เมื่อวันที่ 15 พ.ค.68 เพจเฟซบุ๊ก "ประชาคมแพทย์" โพสต์ข้อความระบุว่า ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา ผู้มีภาวะผู้นำ และไม่ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง สมเป็นผู้ได้รับคะแนนเลือกตั้งสูงสุดจากแพทย์ ส่วนสำนักงานแพทยสภา จะสามารถรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของแพทย์ได้หรือไม่ 12 มิถุนา หาคำตอบได้

เป็นเรื่องที่น่าสังเกตประการหนึ่งว่า ประเด็นความสำคัญทางสังคม ในการ แถลงมติ ของกรรมการแพทยสภา เรื่อง ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ การป่วยวิกฤตของนักโทษ VVIP ชั้น 14 โดยเนื้อหาเป็นเรื่องของ มาตรฐาน ของวิชาชีพเวชกรรม ไม่มีปัจจัยภายนอกมามีผลต่อการตัดสินใจ และไม่สนใจเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ดังเช่นที่ท่านศาสตราจารย์นายแพทย์ ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายก ของแพทยสภาเป็นผู้ให้ข่าว กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 

แต่เหตุใดจึงไม่มี เบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของ กรรมการบริหารแพทยสภา เป็นผู้แถลง ?

เราขอวิเคราะห์ เหตุผลที่ นายกแพทยสภา หรือ เลขาธิการแพทยสภา  ไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว ดังนี้ นะครับ

1. มีข่าวจากสื่อมวลชนว่าในวันประชุมวันที่ 8 พฤษภาคม 68 นั้น นายกแพทยสภาติดภารกิจไปต่างประเทศ (แต่ขณะนี้ท่านกลับมาแล้ว)

2. เลขาธิการแพทยสภา อาจจะ มีภารกิจในการ ดูแล จัดการวาระประชุม ที่ยังมีการดำเนินการอยู่ ในห้องประชุมขณะนั้น (อันนี้มองในแง่หลักการทั่วไป)

3. อุปนายกแพทยสภา คือท่านอาจารย์ประสิทธิ์ เป็นผู้ใหญ่ ที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะ ในการพูดจาให้ความเห็น หรือข้อเท็จจริงต่างๆ ในทางสาธารณะ เรียกได้ว่ามี ความเป็น Public figure ของตัวแทนแพทย์ โดยเฉพาะท่านได้คะแนนเสียงสูงสุด ของ การเลือกตั้ง กรรมการแพทยสภา ในสมัยที่ผ่านมา มีภาพพจน์ที่เรียกได้ว่า ค่อนข้างดี และออกมากล่าวเป็นตัวแทนของนายกแพทยสภาที่ติดภารกิจ

ประชาคมแพทย์ ขอชื่นชมท่านอาจารย์ประสิทธิ์ ในการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ด้วยการแสดงภาวะผู้นำเช่นนี้ ถือว่าท่าน มีศักยภาพ เพียงพอที่จะเป็นนายกแพทยสภา อีกสมัยหนึ่ง หลังจากว่างเว้น (หรืออาจเพราะ ท่านวางมือมาหลายสมัย) โดยเราคิดว่า ท่านควรสมัคร แต่ท่านไม่จำเป็นต้อง ลงสมัครรับเลือกตั้ง ในนามของ ทีมใดๆทั้งสิ้น นี่คือตัวอย่างของ ผู้แทนของ แพทย์ทั่วประเทศ ในสัดส่วน ที่ เข้าสู่ กระบวนการรับเลือกตั้งแบบเก่า (individual List) ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ท่านไม่ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง และขณะเดียวกัน ก็ยังยืนยันถึง ความสำคัญของการ รักษามาตรฐานวิชาชีพโดยไม่มีปัจจัยอื่นมาแทรกซ้อน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการพิจารณา ทางการแพทย์ ว่าแพทย์ ผู้ถูกกล่าวหา ให้ความเห็นตรงกับความเป็นจริง เกี่ยวกับ นักโทษ VVIP ที่เจ็บป่วยวิกฤต หรือไม่ ไม่ว่านักโทษนั้น จะชื่อทักษิณ ชินวัตร หรือชื่อนาย ก.หรือนาย ข. นี่คือ วิธีคิดแบบมืออาชีพ

สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับท่านอาจารย์ประสิทธิ์คือ ผู้ที่มีภาวะผู้นำเช่นนี้ และมีความเป็นมืออาชีพ แต่ท่านกลับไม่ประสงค์ที่จะ เป็นนายกแพทยสภา ทั้งๆที่ในสมัยล่าสุดท่านได้รับ คะแนนเลือกตั้งจากแพทย์ มากเป็นอันดับ 1 สิ่งนี้สะท้อนถึง ความบิดเบี้ยวในโครงสร้างบางอย่างของระบบการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภา role model ที่ดีของแพทย์ และมีภาวะผู้นำสูง ได้รับการชักนำ ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เป็นนายกแพทยสภา เพราะ ต้องเข้าสู่ระบบการ โหวตลงคะแนน จาก กลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบเดิม ๆ ที่ต้องอาศัยเสียงแพทย์ข้าราชการประจำ (กรรมการโดยตำแหน่ง)  ซึ่งมีสัดส่วนถึง 50% มาโหวต จำเป็นอยู่เองที่ต้อง ใช้ระบบเกื้อกูล เนื่องจาก คาดหวังความสะดวกจากราชการในการทำงาน

ประชาคมแพทย์ มองว่า ท่านอาจารย์ประสิทธิ์ มี Public figure เป็นผู้ที่มีภาวะผู้นำสูงที่สุด ที่เป็นมืออาชีพและไม่ลอยตัวเหนือความขัดแย้ง

โดยไม่ได้มองว่าท่านเป็นส่วนหนึ่งของทีมใด เพราะท่านมีแสงสว่างในตัวเองอยู่แล้ว แต่ไม่มี ขุมกำลัง หรือหน่วยสนับสนุน เท่าที่ควร จึงไม่ประสงค์เป็น candidate ผู้นำของแพทยสภา

ส่วน องคาพยพของ กรรมการบริหารแพทยสภา ที่จะจัดประชุมวันที่ 12 มิถุนายนนี้ จะลอยตัวเหนือความขัดแย้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผู้มีหน้าที่จัดการประชุม ว่าจะระดม กรรมการ เข้าประชุมได้มากที่สุด ได้หรือไม่หรือจะ ทำงานแบบ Routine เหมือนทุกครั้ง และถ้าการเข้าประชุม มีองค์ประชุมไม่ถึง 47 คน นั่นหมายถึงไม่สามารถยืนยันมติเดิม ของวันที่ 8 พฤษภาคม เราขอเรียกร้องให้เลขาธิการแพทยสภา เป็นผู้แถลง และระบุสาเหตุไปเลยว่า วาระการประชุมสำคัญเช่นนี้ การขาดการประชุม ของแต่ละท่านมีเหตุสมควร อย่างไร

เพราะวันที่ 12 มิถุนายน กรรมการแพทยสภามีหน้าที่ อย่างแน่นอน เพื่อ รับทราบว่ามีการวีโต้หรือไม่ เพราะท่านจะไม่ทราบจนกว่า เลขาธิการ แพทยสภา จะแจ้งในที่ประชุม

1. ถ้าสภานายกพิเศษ(สมศักดิ์ เทพสุทิน) จะวีโต้มติ 8 พฤษภาคม กรรมการทุกท่านก็ต้องพิจารณาว่าจะ ยืนยันมติเดิม โดยใช้เสียงอย่างน้อย 47 เสียงขึ้นไป จากกรรมการ  70 ท่าน ประเด็นนี้สำคัญที่ว่า กฎหมายให้สิทธิสภานายกพิเศษเพียงว่า เห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย กับมติแพทยสภา เท่านั้น สภานายกพิเศษ ไม่ได้มีหน้าที่อธิบายเหตุผล หรือจัดทำเอกสารคำคัดค้าน หรือคำชี้แจงของผู้ถูกลงโทษแนบมาด้วย ซึ่ง นั่นควรเป็นการร้องต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษมากกว่า แต่สภานายกพิเศษอาจใช้เอกสารนั้นตัดสินใจเองได้ ไม่จำเป็นต้องส่งมา ) เพราะหากมีคำอธิบายอีกหลายหน้าแนบมา แล้วอ้างว่ากรรมการแพทยสภา ควรได้อ่านเหตุผล ก็ประหนึ่งว่าจะเป็นการประวิงเวลา ในการลงมติยืนยันมติวันที่ 8 พค.68 ออกไปอีก ดังนั้นถ้าเกิดกรณีนี้จริง ผู้ดำเนินการประชุมต้องไม่นำเหตุแห่งการจัดส่งเอกสารแนบคำอธิบายในการประวิงเวลาออกไป สังคมรู้เจตนานี้ดี

2. ถ้าสภานายกพิเศษ นิ่งเฉย ซึ่งเมื่อถึงวันที่ 12 มิถุนายน ยังไม่มีการวีโต้ ก็น่าจะเรียกว่านิ่งเฉยแล้ว (ยกเว้น สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ทำหนังสือ ส่งถึง สภานายกพิเศษ ช้าอย่างมากๆ จนท่านอ้างว่า ยังไม่ได้รับหรือเพิ่งได้รับไม่กี่วัน เรื่องนี้ต้องถาม เลขาธิการแพทยสภาแล้ว) ท่านกรรมการที่เข้าประชุม ก็จะได้รับทราบว่ามติแพทยสภาเดิมนั้น สามารถดำเนินการได้  โดยสามารถกำหนดการลงโทษได้อย่างละเอียด และดำเนินการออกประกาศหรือคำสั่งต่อไป โดยวิธีนี้ สังคมย่อมยอมรับได้ และชื่นชมแพทยสภา ไม่ว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไร ถ้าต่อมา มีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ

3. ถ้าท่านใดมีการลาประชุม โดยไม่มีเหตุอันควร อ้างโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า ไม่รู้มีการวีโต้เกิดขึ้น หรือไม่ ก็เลยไม่ได้เข้าประชุม ทั้งๆที่เรื่องนี้ แพทยสภา กำลังถูกจับตาจากสังคมอย่างใกล้ชิด จะ มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก ความพยายามลอยตัว เหนือความขัดแย้ง เพราะไม่ต้องการผิดใจกับรัฐบาลนั่นเอง

แต่ตอนนี้เรามีความแปลกใจอย่างยิ่งนับจากวันที่ 8 พฤษภาคมจนถึงเช้าวันนี้คือ 15 พฤษภาคมเป็นเวลา 7 วัน สภานายกพิเศษยังไม่มีการ รับทราบมติของแพทยสภา สิ่งนี้คงต้อง ฝากนักข่าวไปถามหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา ว่าร่างหนังสือเสร็จหรือยัง และส่งหนังสือหรือยัง อย่าให้สังคมมีความหวาดระแวงว่า การเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสำนักงานแพทยสภา มากจนเกินไป หรือใครบางคน ต้องการ ลอยตัวอยู่เหนือความขัดแย้ง นะครับท่าน เลขา ถ้าปรากฏภายหลังว่า เหตุจากการส่งหนังสือล่าช้า ทำให้วันที่ 12 มิถุนายน ยังไม่มีการ บรรจุวาระ การแจ้ง ผลการตัดสินใจของสภานายกพิเศษ ว่าจะวีโต้หรือนิ่งเฉย เข้าที่ประชุมกรรมการ ประชาคมแพทย์และสังคมคงจะ ผิดหวังกับ แพทยสภา เป็นอย่างมาก เรื่องแบบนี้ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือไม่ได้หรอกครับ การเป็นตัวแทนของ แพทย์ 70,000 กว่าคน ถ้าเข้ามาทำงาน แบบ Routine ปล่อยให้ระบบงานธุรการรันไปตามปกติ โดยกอดคำว่า "เป็นไปตามกรอบ ไม่ได้ผิดระเบียบ" น่าจะไม่ใช่วิสัยของการเป็นตัวแทน ในการรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของวิชาชีพแพทย์ เพราะงานแบบนี้เหมาะสำหรับ ข้าราชการระดับ หัวหน้างานธุรการเท่านั้น


Admin ประชาคมแพทย์ ผู้เขียนบทความ 
15 พค 68
#แพทยสภา #หมอประสิทธิ #นายกแพทยสภา #อุปนายกแพทยสภา #เลขาธิการแพทยสภา #สภานายกพิเศษ #คดีชั้น14 #ทักษิณชินวัตร #แพทยสภาลอยตัว #เลือกตั้งกรรมการแพทยสภา #ภาวะวิกฤต #ภาวะผู้นำ