นายกฤษฎา กาญจนาลัย กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มชนาลัย เจ้าของโรงแรมเขาหลัก แมริออท บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา กล่าวว่า พื้นที่สร้างโรงแรมของ เขาหลัก แมริออท บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ใช้พื้นที่ประมาณ 45 ไร่ ใช้งบลงทุนประมาณเกือบ 3 พันล้านบาท ตั้งเป้าจุดคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณ 8-10 ปี ด้วยทำเลที่ตั้งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีชุมชนท้องถิ่นที่ยังมีความบริสุทธิ์อยู่มาก

“สถานที่ตรงนี้มีความเป็นธรรมชาติมีชุมชน ซึ่งการเลือกแบรนด์โรงแรมที่จะเข้ามาบริหาร จึงต้องมีรูปแบบแนวคิดไปในทิศทางเดียว จึงเป็นที่มาของการเลือกแบรนด์แมริออทเข้ามาบริหาร เนื่องจากมีคอนเซ็ปต์เดียวกัน คือ รักธรรมชาติ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และต้องการการเจริญเติบโตแบบยั่งยืน”

ทั้งนี้ นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า การที่มีโรงแรมเข้ามาสร้างในบริเวณหาดบางหลุดนี้ ก็จะทำให้ชุมชนที่นี่มีอาชีพเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง คือ การท่องเที่ยวที่จะพัฒนาไปอยู่ระดับสากล หรือยกระดับชุมชน ดังนั้นการมาลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ เป็นการการลงทุนแบบยั่งยืน  ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพเดินทางเข้ามาอย่าง

อย่างไรก็ตามเมื่อโครงการในเฟสแรกดำเนินไปได้สัก 3- 4 ปี คงจะมีการประเมินผลงานในเบื้องต้น เพื่อผลักดันพื้นที่ที่เหลืออยู่ประมาณ 80 ไร่เป็นเฟส 2 และเฟสอื่นๆ ต่อไป แต่เวลานี้ต้องรอให้เฟส 1 แข็งแรงก่อน ซึ่งระหว่างนี้ก็จะมีการปรับปรุงใหญ่ในโรงแรมของ‘ชนาลัย กรุ๊ป’ที่ภูเก็ต มีอยู่โรงแรมอยู่ 4 โรง  โดยจะเริ่มรีโนเวท 1 โรง คือ โรงแรมชลาลัย การ์เด้นท์  บนหาดกะตะทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่ง ด้วยงบรีโนเวทประมาณ 600 ล้านบาท

โดย นายกฤษฎา ยังกล่าวถึงอัตราการเข้าพักของโรงแรมในเครือชนาลัยกรุ๊ป ว่า โดยรวมแล้วไม่มีความกังวลแต่อย่างใด ซึ่งเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 85-90% เพราะอยู่ในภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งปี โดยเฉพาะเดสติเนชั่นของโรงแรมในเครืออยู่บริเวณหากะตะ และกะรนเป็นที่นิยม และรู้จักในกลุ่มของนักท่องเที่ยวระยะไกลเป็นอย่างมาก เป็นหาดที่อยู่ลิสต์ท็อปไฟว์ของเกาะภูเก็ตเลยทีเดียว มีจำนวนห้องพักรวมประมาณ 700 ห้อง

 

ดังนั้นการขยายไปเฟสอื่นๆ ในโครงการต่อเนื่องมาที่จังหวัดพังงาจึงต้องรอประเมินการทำงานของ เขาหลัก แมริออท บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ในช่วงปีที่ 3 หรือ ปีที่ 4 ซึ่งน่าจะไปสอดคล้องกับเทรนด์นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในเรื่องของธรรมชาติ และดูแลสุขภาพ โดยในเฟสต่อไปคงจะเริ่มในสิ่งที่ตัวเองถนัด และเริ่มในโครงการเล็กๆ เพื่อดูการตอบรับของตลาดก่อนจะขยายไปยังโครงการใหญ่ๆ ต่อไปในเรื่องของบ้านพัก และค่อยๆขยายไปโครงการใหญ่ต่อๆ ไป ซึ่งแผนการทำงานในอนาคต คงจะลงทุนในรูปแบบของวิลล่า เป็นเฟส 2 ประมาณ 20 หลัง แต่ระหว่างนี้คงต้องศึกษารายละเอียดในตลาดดังกล่าวอย่างรอบคอบ

สำหรับการท่องเที่ยวแถวหาดบางหลุด จะแตกต่างกับบริเวณต้นๆ ของเขาหลัก เพราะว่า บริเวณสถานที่ตั้งแห่งนี้เป็นแปลงใหญ่ๆ ซึ่งโครงการ และผู้ประกอบต่างๆ สามารถมาลงทุน โดยเชื่อว่า บริเวณนี้ สามารถมีกิจการที่มีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบเคียงกับบริเวณที่ใกล้เคียงกันในส่วนอื่นๆ ดังนั้นสามารถรองรับโครงการใหญ่เข้ามาพัฒนาได้อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะสร้างให้พื้นที่ในบริเวณนี้ยกระดับการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้กลายเป็นเดสติเนชั่นในระดับเวิด์ลคลาส

สรุปสุดท้าย คือ โครงการต่างๆ ที่เข้ามาในบริเวณเขาหลักคงจะต้องอยู่คู่กับธรรมชาติให้ยั่งยืน เพื่อสร้างเป็นเดสติเนชั่นที่ดี ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาใช้บริการ ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับคนในชุมชน เมื่อมีครบทุกอย่างแล้วก็จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเองได้อย่างแน่นอน