วันที่ 14 พ.ค.68 เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพลตำรวจโทนายแพทย์โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อ นายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กรณีการถูกแพทยสภามีมติลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ปมการรักษานายทักษิณ ชินวัตร
ดร.ธนกฤต กล่าวว่า เป็นการยื่นร้องขอความเป็นธรรมในกรณีเดียวกันกับกรณีของพลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ.8) โรงพยาบาลตำรวจ ที่มอบหมายทนายความมายื่นร้องขอความเป็นธรรม เมื่อวานนี้(13พค.)
หลังจากที่ตนเองได้รับเรื่องขอความเป็นธรรมจากพลตำรวจโททวีศิลป์แล้ว ต่อมา ก็ได้รับการประสานโดยตรงมาจากพลตำรวจโทโสภณรัชต์ และได้มีการพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ โดยตนเองได้ถามว่า ได้รับหนังสือจากแพทยสภาหรือยัง ท่านบอกว่ายังไม่ได้รับ จากนั้นจึงได้มีการสอบถามถึงประเด็นที่ไม่สบายใจ มีทั้งหมด 8 ประเด็นหลักๆ กล่าวโดยสรุปคือ ท่านขอยืนยันว่าไม่เคยพูดคำว่า "ผู้ป่วยวิกฤต" และท่านเองเป็นเพียงแค่ผู้บังคับบัญชา และไม่ได้วินิจฉัยโรค / แต่มีความเห็นจากทางแพทยสภาว่าท่านให้ข่าวกับสื่อฯไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ท่านเองก็พูดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่รับตัวผู้ป่วย ดูผลการวินิจฉัยโรค ดูผลประวัติที่ถูกส่งมาตั้งแต่รับการรักษาตัวจากต่างประเทศ การตรวจสุขภาพต่างๆ และพบรอยโรคที่เกิดขึ้น / ความไม่สบายใจตรงนี้ ส่งผลให้ท่านได้รับโทษ เหมือนเป็นการประหารชีวิตการทำงานราชการของท่าน ทั้งเรื่องเกียรติยศและศักดิ์ศรี และตลอดที่ผ่านมา ท่านก็ทำประโยชน์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมามาก ท่านจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรม ถ้าท่านไม่ได้ชี้แจง ท่านจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร
ด้านนายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ ทนายความ ก็ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ทราบจากข่าวที่มีการถูกเผยแพร่ไปว่ามีนายแพทย์จากราชทัณฑ์ 2 คน และแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ 2 คน จึงต้องมายื่นขอความเป็นธรรมก่อนที่สภานายกพิเศษจะมีความเห็นในเวลา 15 วันหลังออกหนังสือซึ่งเป็นเรื่องปกติ / หากสภานายกพิเศษมีมติว่าตัวของพล.ต.ท.โสภณรัชต์ ผิดจริง ก็ต้องยื่นศาลปกครองต่อไป เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม
หลังจากนี้ทางนายกองตรี ดร. ธนกฤตจะตรวจดูเอกสาร ก่อนนำเรียนทางนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สภานายกพิเศษ แพทยสภา ในการเตรียมตั้งคณะกรรมการ หรือ คณะทำงานในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว