วันที่ 13 พ.ค.68 กทม.แถลงข่าวจบภารกิจรื้อย้ายซากอาคาร สตง. และค้นหาผู้ประสบภัย โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร และ ตัวแทนจากกองพิสูจน์หลักฐาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าร่วม ณ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร บริเวณห้างสรรพสินค้า เจเจมอลล์ เขตจตุจักร

นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กล่าวว่า จากเหตุตึก สตง.ถล่ม เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา จนวันนี้ครบ 48 วัน ที่มีการติดตามสถานการณ์ร่วมกันตลอดมา ขอขอบคุณหน่วยงานหลายภาคส่วน ที่ร่วมกันปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถในยามวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัคร กู้ภัย ทหารทุกเหล่าทัพ K9 และประชาชนที่มีน้ำใจบริจาคสิ่งของ รวมถึงห้างสรรพสินค้าเจเจมอลล์ที่ให้ใช้พื้นที่ สิ่งสำคัญคือ เบื้องหลังการปฎิบัติภารกิจในครั้งนี้คือพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน มีความห่วงใย เมตตาผู้ปฏิบัติงานทุกคน ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และอาหาร โดยเฉพาะครัวพระราชทานจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ จึงขอปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักรอย่างเป็นทางการ โดยให้มีผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เวลา 16:00 น. เพื่อขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกจากพื้นที่ จึงขอประชาสัมพันธ์ว่า ในวันที่ 13 ถึง 15 พฤษภาคมนี้ จะมีการขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์และเครื่องจักรหนักออกจากพื้นที่ อาจเกิดความไม่สะดวกต่อประชาชน ขอให้หลีกเลี่ยงและระมัดระวัง จากนี้เป็นต้นไปขอคืนพื้นที่ให้กับ สตง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการต่อไปในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16:00 น. และขอบคุณหน่วยงานทุกภาคส่วนรวมถึงสื่อมวลชนที่ร่วมกันปฎิบัติงานและให้กำลังใจกันตลอดมา

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กทม. ได้มีหนังสือฉบับแรกถึงหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว โดยคาดว่าจะปฏิบัติงานถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ให้แต่ละหน่วยงานเตรียมกำลังให้พร้อม ส่วนหนังสือฉบับที่สองจะออกให้ สตง. แจ้งการยุติภารกิจในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16:00 น. หนังสือฉบับที่สาม จะออกถึงคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีตั้ง ที่มีกรมโยธาธิการและผังเมือง และกองพิสูจน์หลักฐาน เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งให้ทราบว่าศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักรจะยุติในวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 16:00 น. อย่างไรก็ตาม กทม. ยุติภารกิจหลักแล้ว แต่พร้อมช่วยเหลือตามที่ สตง. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอ เช่น เรื่องเกี่ยวกับความสะอาด รถสุขา เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น

พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกมีศพเข้ามา 89 ราย แบ่งเป็นร่างกาย 80 ราย และชิ้นส่วน 9 ราย พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลไปแล้ว 72 ราย วันนี้มีเพิ่มอีก 14 ราย คาดว่าวันนี้จะมีการปล่อยศพทั้ง 89 รายออกทั้งหมด ส่วนที่เหลือ แบ่งเป็นสองส่วนคือ ชิ้นส่วนที่ยังไม่สามารถเทียบกับบุคคลใดได้ เนื่องจากมีข้อมูลของญาติศพที่อยู่ที่พม่า ยังไม่สามารถส่งเข้ามาเทียบกับศพได้ อีกส่วนคือยังไม่สามารถยืนยันดีเอ็นเอได้

ด้านวัตถุพยานได้มีการเก็บทุกโซนแล้ว ทั้งชิ้นส่วนเหล็ก 366 เส้น แท่งคอนกรีต 237 แท่ง ทั้งหมด 603 รายการ ในส่วนของ โถงลิฟต์ ปล่องลิฟต์ บันไดหนีไฟมีการเก็บตัวอย่างแท่งปูน 41 ก้อน บ่อลิฟต์ 40 ก้อน โดยหลังจากปิดศูนย์วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะอายัดสถานที่ตึกถล่ม จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ และอายัดสถานที่เก็บซากอาคาร จนถึงวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ระหว่างนั้นจะมีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

นางสาวฐิตาพรรณ ฉันทโชติ กรรมการผู้ช่วยเลขาคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า จะมีการเก็บหลักฐานตัวอย่างเพิ่มเติมในพื้นที่ตึกถล่ม ซึ่งยังมีชิ้นส่วนที่คงสภาพจากการรื้อถอนอยู่ โดยเฉพาะเหล็กเส้นและคอนกรีตคอลลิ่ง รวมถึงชิ้นส่วนเสาและบ่อลิฟต์ รวมถึงจะมีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติมที่สถานที่จัดเก็บซากอาคารใกล้ศาลเยาวชน โดยเฉพาะกองเหล็กเส้นที่ใช้งานแล้ว และชิ้นส่วนโครงอาคาร โดยจะพิจารณาเก็บเหล็กเส้นและชิ้นส่วนคอนกรีตเพิ่มเติม 2-3 ชิ้น จากชิ้นส่วนที่นำไปเก็บไว้ในสถานที่ดังกล่าว

นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า วันนี้จะมีการถอนกำลังทั้งหมด โดยจะทยอยนำเครื่องจักรออกนอกพื้นที่ เนื่องจากต้องใช้รถในการขนย้าย จากการสำรวจข้อมูลทั้งกำลังคนและรถตอนนี้มีความพร้อม และเริ่มดำเนินการแล้ว

นางสาวทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มีประชาชนประมาณ 40,000 ราย ยื่นเรื่องขอค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ มูลค่าประมาณ 176,000,000 บาท ด้านค่าน้ำมันในการปฏิบัติงานต่ำสุดวันละ 3,000 ลิตร สูงสุดวันละ 6,000 กว่าลิตร โดยเฉลี่ยมีค่าน้ำมันวันละประมาณ 200,000 บาท จำนวน 50 วัน ยังมีค่าน้ำมันอื่น ๆ เช่น รถบรรทุกขนย้าย อุปกรณ์ที่ใช้น้ำมันอื่น ๆ เครื่องปั่นไฟ ไฮดรอลิค และยังไม่รวมค่าเสียหายของอุปกรณ์ของผู้ที่นำมาช่วยเหลือ ซึ่งมีการซ่อมอุปกรณ์ทุกวัน มีบันทึกการซ่อมเป็นลายลักษณ์อักษร ปัจจุบันได้มีการปรึกษากรมบัญชีกลางเพื่อขอสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากรัฐบาลเพิ่มเติม เช่น ค่าซ่อมเครื่องจักร ค่าน้ำมัน ช่วงแรกที่บริษัทอิตาเลียนไทยยังไม่สนับสนุน ซึ่งผู้ที่มาช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายเอง รวมถึงขอขยายวัตถุประสงค์การใช้เงินช่วยเหลือในด้านบุคลากรของเอกชนที่มาช่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนด้านการค้าขายจากการปิดถนนตลอด 48 วันที่ผ่านมา ปัจจุบันมีประมาณ 200,000,000 บาท อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อขอขยายวงเงินและวัตถุประสงค์ในการใช้เสนอกรมบัญชีกลาง