วันที่ 10 พ.ค. นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่ากระบวนการตรวจสอบที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (สว.)   ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 10 เดือน ขณะนี้ได้เริ่มขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว โดยคาดว่ามี สว.จำนวนมากถึงกว่า 100 คนที่อยู่ในข่ายจะได้รับแจ้งข้อกล่าวหา

 

นางสาวนันทนา ยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของ สว.ชุดนี้ตกต่ำอย่างมากในสายตาประชาชน   และมอง สว.ด้วยความคลางแคลงใจในกระบวนการได้มา โดยสงสัยว่าอาจมีกระบวนการฮั้วกันมา ตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกที่รวมกลุ่มกันมา   และเมื่อเข้าสภามาก็มีการลงมติไปในทิศทางเดียวกัน   หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างดีเอสไอ   ได้เข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและร่วมมือกับ กกต. จนนำมาสู่การเริ่มแจ้งข้อกล่าวหาแก่ สว.ที่เข้าข่ายมีปัญหาเรื่องการฮั้ว

 

นางสาวนันทนา กล่าวว่า  แม้กฎหมายจะไม่ได้กำหนดให้ สว.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่   เมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่มีการเรียกร้องโดยใช้หลักยึดทางจิตสำนึกและสามัญสำนึก ให้ สว.ที่อยู่ในข่ายพิจารณาหยุดปฏิบัติหน้าที่  หรืออย่างน้อยที่สุด ให้ชะลอการลงมติในเรื่องสำคัญออกไปก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงมติให้ความเห็นชอบผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และการลงมติร่างพระราชบัญญัติสำคัญต่างๆ เนื่องจากขณะนี้ที่มาของ สว.ยังมีลักษณะสีเทาๆ   การเห็นชอบบุคคลไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ซึ่งจะทำหน้าที่ยาวนาน 7-9 ปี   หรือการลงมติกฎหมายที่มีผลถาวร    หากทำโดย สว.ที่มีที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย อาจทำให้กระบวนการนั้นเสียเปล่า    กลายเป็นโมฆะ หรือผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจะถูกมองว่าได้ตำแหน่งจากผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติในการลงมติ

 

หาก สว.ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหายังคงดื้อดึงและไม่ชะลอการลงมติสำคัญออกไป อาจต้องใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามากดดัน   หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กกต.  ป.ป.ช. และดีเอสไอ   ต้องเร่งทำงานให้เร็วขึ้น    เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาโดยกระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมายหยุดปฏิบัติหน้าที่   หากมีคำสั่งของ ป.ป.ช. ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

 

อย่างไรก็ตาม หากกระบวนการตรวจสอบล่าช้าออกไป เช่น 6 เดือน  จะส่งผลเสียต่อประเทศชาติอย่างมาก    ภายใน 6 เดือนนี้อาจมีการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระสำคัญหลายแห่ง เช่น กกต.  ศาลรัฐธรรมนูญ  ป.ป.ช. หากบุคคลเหล่านี้ได้รับความเห็นชอบจาก สว.ที่มีที่มาไม่ชัดเจนและมีแนวโน้มไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติ ประเทศอาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เชื่อว่าประชาชนกำลังจับตาดูสถานการณ์นี้อยู่