วันที่ 10 พ.ค. 68 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งหนังสือออกหมายเรียกให้ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) จำนวนหนึ่งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วการเลือกสว.ชุดแรกไปแล้วกว่า 54 ราย และกำลังจะมีชุดสองตามมาอีก 97คน พบว่า สว.บางคน พร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ มีสว.บางคน ยืนยันจะไปรับทราบข้อกล่าวหาจาก กกต. เพียงองค์กรเดียว ไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งที่ข้อเท็จจริง กกต. ดีเอสไอ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกันทำคดีดังกล่าวขึ้นมา
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สว. หลายคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตข้าราชการระดับสูง ทำหน้าที่ตรวจสอบกลั่นกรองกฎหมายจากสภาล่าง ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะต้องไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและแวดวงตุลาการ และยังเป็นกระบอกเสียงคอยติติงนักการเมือง ถ้าเห็นว่าดำเนินการอะไรผิดไปจากนโยบายที่เคยประกาศเอาไว้ บางกรณีพวกท่านเคยออกมาเรียกร้องจริยธรรมนักการเมือง ติติงนักการเมือง ให้เคารพกระบวนการตรวจสอบ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้กลับเลือกที่จะไม่เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของบางหน่วยงาน และยังพูดทำนองว่าเป็นเกมการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม คอยกลั่นแกล้ง อย่างนี้สังคมจะเชื่อมั่น เชื่อถือการทำงานของพวกท่านได้อย่างไร ในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาสูงที่คอยตรวจสอบ ถ่วงดุล
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขอให้กำลังใจการทำงานอย่างหนักของกกต. ดีเอสไอ ปปง. ร่วมกันตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อไขไปสู่ความกระจ่าง แท้จริงแล้วการสรรหา สว.ที่ผ่านมา มีการล็อกสเปค สมประโยชน์จากการเมืองบางขั้ว มีการฮั้วกันเป็นขบวนการหรือไม่ เชื่อว่าอีกไม่นาน หลักฐาน ความจริงต่างๆจะคอยปรากฏ ขอยกสุภาษิตย้ำเตือน สว.ว่า ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟฉันใด คนดีบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ การที่หน่วยงานไหนๆคอยตรวจสอบพวกท่าน ไม่ต้องกังวล ยึดอก เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบทุกองค์กร พิสูจน์ความจริงให้เป็นที่ประจักษ์น่าจะดีกว่า การคอยมาตั้งแง่ สงสัยในกระบวนการทำงานขององค์กรเหล่านั้น
“กกต. ดีเอสไอ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเช็กบิลให้ไปถึงต้นตอของขบวนการและผู้เกี่ยวข้องว่า มีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง เนื่องจากประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจ ทำให้เป็นคดีตัวอย่าง เป็นบรรทัดฐาน นำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องทำผิดมาลงโทษตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม” นายพร้อมพงศ์ กล่าว