เมื่อวันที่ 10 พ.ค.68 นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความระบุว่า การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ

ตาม พรบ.ราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 55 จะต้องเป็นผู้ต้องขัง 

“ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต” หรือ “เป็นโรคติดต่อ” เท่านั้น หรือไม่?
ส่วนตัวผมเป็นว่าเจตนารมณ์และตัวบทของกฎหมายไม่ได้จำกัดไว้แบบนั้น หากยึดถือการตีความตามตัวอักษรจะเห็นว่ามาตรา 55 กำหนดไว้ 3 กรณี
1. ผู้ต้องขังป่วย
2. มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต
3. โรคติดต่อ
เพราะว่ากฎหมายได้เขียนแยกกันไว้โดยเว้นวรรคตอนไว้อย่างชัดเจน ไม่ได้เขียนกำหนดว่า “ผู้ต้องขังป่วยเกี่ยวกับสุขภาพจิต”
หากตีความว่า จะต้องเป็นผู้ต้องขังเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือ โรคติดต่อ เท่านั้น 
คำถาม คือ ถ้าหากมีผู้ต้องขังที่ป่วยเป็นโรคเฉพาะด้านจริง ๆ เช่น โรคเกี่ยวกับตา  ถ้าไม่ได้รับการรักษาเฉพาะด้านหรือถ้ารักษาอยู่ในเรือนจำอาการคงไม่ดีขึ้นและอาจจะทำให้อันตรายถึงขั้นตาบอด แบบนี้ “ผู้ต้องขัง” จะไม่มีสิทธิได้รับการรักษาในโรงพยาบาลนอกเรือนจำที่มีเครื่องมือและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเลยหรือ?
#หากพิจารณาตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จะเห็นว่ากฎหมายมาตรานี้ได้มุ่งเน้นคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังที่ป่วยให้ได้รับการบำบัดรักษาจากแพทย์เฉพาะด้านที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้มีความปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 28 ที่รับรองสิทธิของทุกคนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป หรือ ผู้ต้องขัง ก็จะต้องได้รับสิทธิดังกล่าวเช่นเดียวกัน
และให้สอดคล้องกับหลักการสากล ข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งองค์การสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (Mandela Rules) ข้อ 27 ที่กำหนดว่า “ผู้ต้องขังที่จำเป็นต้องได้รับ #การรักษาหรือผ่าตัดเฉพาะทาง ต้องได้รับการส่งตัวไปยังหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือโรงพยาบาลของพลเรือน” 
อีกทั้ง ตามกฎหมายเดิม พรบ.ราชทัณฑ์ ใช้มาตั้งแต่ปี 2479 มาตรา 30 กำหนดว่า #ผู้ต้องขังคนใดเจ็บป่วย และ ถ้ารักษาอยู่ในเรือนจำจะไม่ทุเลาดีขึ้นก็มีสิทธิที่จะได้รับการส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ #โดยไม่มีการจำกัดว่าจะต้องเป็นการป่วยเกี่ยวกับสุขภาพจิตหรือโรคติดต่อเท่านั้น 
แม้แต่กฎหมายเดิมยังให้สิทธิ ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ให้ได้รับสิทธิในการไปรักษาตัวนอกเรือนจำ โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องเป็นการป่วยทางจิต หรือ โรคติดต่อ เท่านั้น 
เมื่อรัฐได้มีการตรากฎหมายใหม่ขึ้นมาเพื่อพัฒนาคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยให้ได้รับการรักษาที่ดีมีความปลอดภัยในชีวิตร่างกายให้สอดคล้องกับหลักการสากล   
ผมก็มองไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลความจำเป็นใดที่จะต้องไปตีความจำกัดสิทธิของผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยให้แคบลงกว่าเดิม
ดังนั้นแล้ว การตีความว่า มาตรา 55 จะต้องเป็นผู้ต้องขังที่ป่วยเกี่ยวกับสุขภาพจิต หรือเป็นโรคติดต่อเท่านั้น จึงเป็นการตีความที่ไม่น่าจะสอดคล้องกับหลักการสากล รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเจตนารมณ์ของกฎหมายที่มุ่งคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตร่างกาย
หมายเหตุ : ผมพยายามวิเคราะห์ในข้อกฎหมาย
ไม่อยากให้อคติที่มีต่อคุณทักษิณ ต้องทำให้การตีความกฎหมายกลายเป็นการจำกัดสิทธิของผู้ต้องขังอื่น ๆ ด้วย
แบบนั้นจะไม่ดีเลยครับ
ส่วนประเด็นว่า กรณีของคุณทักษิณเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 55 เป็นการเจ็บป่วยที่ต้องได้รับการรักษาเฉพาะด้าน นอกเรือนจำหรือไม่ หรือ มีเหตุที่จะต้องรักษานอกเรือนจำเป็นระยะเวลานานกว่า 180 วัน หรือไม่ หรือ คุณทักษิณได้รับอภิสิทธิ์เป็นกรณีพิเศษหรือไม่  ถือเป็นปัญหาข้อเท็จจริง สามารถถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์ตามหลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ครับ