ยิ่งกว่าละคร ผัว-เมีย ร่ำไห้ร้องสื่อ ถูกลูกพี่ลูกน้องสวมชื่อเอาประกัน 50 กรมธรรม์ เป็นเงิน 120 ล้าน! ช้ำถูกจัดฉากฆ่า คู่กรณีโทร.เข้ารายการ มึนตึ๊บ!
กรณี “อุ๊-โต้ง” (นามสมมติ) 2 สามีภรรยาไปร้อง “ต้นอ้อ” มูลนิธิเป็นหนึ่ง ระบุว่าระหว่างอยู่ในเรือนจำ ถูกลูกพี่ลูกน้องสวมชื่อทำกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบอุบัติเหตุ ถึง 50 กรมธรรม์ มูลค่ารวมกว่า 120 ล้านบาท เรื่องโป๊ะแตกหลังสามีถูกคนขับรถชน เกือบเสียชีวิต เช็กประกันแล้วพบชื่อของลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้รับผลประโยชน์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยมีคดีความกันมาก่อน มองว่าถูกเครือญาติพยายามจ้างวานฆ่าหวังเอาเงินประกัน
รายการ โหนกระแส วันที่ 8 พ.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 ได้สัมภาษณ์ อุ๊-โต้ง ผู้เสียหาย , ต้นอ้อ มูลนิธิเป็นหนึ่ง, โสรัจจ์ แรกสกุลชัย ผู้ช่วยเลขาธิการสายตรวจสอบ สำนักงาน คปภ., ธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์
คุณเจอสองคนนี้ได้ยังไง?
ต้นอ้อ : น้องทักมาตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ค่ะ อ้อก็พยายามคุย และให้เขาเก็บหลักฐาน หลักฐานที่เขามีเยอะเพียงพอแล้ว แต่น้องไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เขามี เขาจะทำอะไรกับคู่กรณีได้หรือเปล่า อ้อดูหลักฐานแล้วก็บอกว่าเฮ้ย ควรต้องออกมาแล้วนะ เพราะหนึ่งตัวเขาเองห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัย ฉะนั้นตอนนี้ถ้าเขาเงียบแล้วโดนฝั่งนั้นทำอะไรไป เรื่องก็จะเงียบและหายสาบสูญไปเลย ฉะนั้นต้องรีบออกมาทำอะไรสักอย่าง ให้คนรับรู้ว่าสิ่งที่กำลังโดนอยู่คืออะไร ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูว่าสิ่งที่เขากำลังโดนอยู่คืออะไร จะได้ดำเนินคดีอย่างถูกต้อง เลยคุยกันว่าพร้อมแล้วนะ อ้อก็เลยคุยกับทางพี่หนุ่ม อยากให้รายการช่วยด้วย พูดตรงๆ ถ้าไม่ได้สื่อมวลชนตีแผ่เรื่องเหล่านี้ ประชาชนก็อาจโดนสวมสิทธิ์แบบนี้ได้ มันง่ายเกินไป มีทั้งรพ.เข้ามาเกี่ยว มีทั้งบริษัทประกันเข้ามาเกี่ยว มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยว เป็นเรื่องใหญ่ค่ะ
ถ้าไล่เรียงกันจริงๆ หลายหน่วยงาน ต้องคุยกับท่านธนกฤตด้วย เพราะรพ.ออกใบรับรองแพทย์ ทั้งที่เขาไม่ได้ไปตรวจ เรื่องประกันภัยการคุ้มครองสิทธิ์ วันนี้หลายองค์กร คุณอุ๊เล่าเหตุการณ์เอาตั้งแต่แรกเลย เรื่องเกิดอะไรขึ้น?
อุ๊ : ปล่อยเงินกู้ปี 59 60 ตอนแรกทำคนเดียว รายได้ดี มีลูกพี่ลูกน้อง คือคุณพิมพรรณกับฐากร ซึ่งเขาเป็นพี่น้องแท้ๆ บอกว่าอยากร่วมทำธุรกิจด้วย เพราะตอนนั้นเขาตกงาน ขาดรายได้ เขาเป็นลูกป้า พี่สาวคุณแม่ค่ะ โตมาด้วยกันค่ะ ก็เอาเงินมาปล่อย เราก็เอาเงินไปปล่อยกู้ที่อำเภอแห่งนึงที่จังหวัดโคราช แต่ลูกหนี้ไม่ได้จ่ายหนี้ตามตกลง เราก็ไม่ได้ส่งต้นส่งดอกให้กับตัวโจทก์
เอาเงินพิมพรรณกับฐากรไปปล่อยเงินกู้ ปรากฏว่าลูกหนี้ดันไม่ยอมจ่ายเงินมา ไม่มีเงินมาจ่ายทางพิมพรรณกับฐากร จากนั้นยังไงต่อ?
อุ๊ : เขาก็ฟ้องดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง ฟ้องผ่านตำรวจ แต่ในคำฟ้อง เขาฟ้องสามีดิฉันด้วย ทั้งที่ไทม์ไลน์การดีลทุกอย่าง สามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่ตกเป็นจำเลยคดีนี้ จำคำฟ้องไม่ได้โดยละเอียด พอไปถึงที่ศาล ดิฉันก็จ้างทนายสู้เพื่อให้หลุดฉ้อโกง ให้เป็นแพ่งธรรมดา แต่วันที่ศาลนัดไกล่เกลี่ย ทนายทางที่เราจ้างก็ไม่ได้อธิบายข้อกฎหมายว่าให้สู้ว่าไม่ใช่คดีอาญานะ เป็นกู้ยืมธรรมดา แต่เจตนารมณ์เราคือจะชดใช้หนี้สิน ศาลก็ให้ไกล่เกลี่ยทำสัญญายอมความ มีการให้ห้วงเวลาชำระหนี้ 1 ปี 6 เดือน แล้วผ่อนเดือนเท่านั้นเท่านี้ ทีนี้ทนายไม่ได้อธิบายว่าถ้าคุณรับสภาพหนี้ แปลว่าคุณรับสารภาพผิดในคดีอาญา ผ่านไปด้วยเศรษฐกิจ และรายได้ไม่เป็นตามเป้า ดิฉันก็จ่ายมาเรื่อยๆ ยอดส่งก็ประมาณ 4 แสนบาท ศาลก็นัดฟังผลการชำระหนี้ เหมือนนัดอ่านคำพิพากษา ตอนนั้นพยายามขอร้องโจทก์ว่าขยายเวลาให้หน่อยได้มั้ย แต่เขาไม่ขยายเวลาให้
วงเงินเท่าไหร่?
อุ๊ : ล้านกว่าบาทค่ะ
คุณส่งไปขาดอีกเท่าไหร่?
อุ๊ : ประมาณ 8-9 แสน พออ่านคำพิพากษาก็เข้าเรือนจำเลย ศาลสั่งจำคุก 2 ปี ชำระหนี้ไม่ครบตามที่ให้ข้อตกลงในชั้นไกล่เกลี่ย การไปรับสภาพหนี้ในทางกฎหมายถือว่าคุณรับสารภาพในคดีอาญา
ฝ่ายชายติดคุกปี 63 - 64 แต่ได้ลดโทษ ฉะนั้นติดคุก 29 เม.ย. 63 - 4 ม.ค. 64 ติดประมาณ 8 เดือน แล้วคุณล่ะ?
อุ๊ : รับโทษเท่ากัน 24 เดือน อยู่ 1 ปีกับ 11 เดือนกว่า สามีออกมาก่อนค่ะ
ออกมาแล้วเป็นยังไง?
อุ๊ : ล้มละลายค่ะ มีเสื้อผ้าติดตัวมาแค่ตัวเดียว กลับไปอยู่บ้านที่ศรีสะเกษกับสามี ทำมาหากินทั่วไปนี่แหละค่ะ หนูก็ติดต่อเจ้าหนี้ที่ฟ้องหนู เจ้าหนี้รายอื่นๆ บอกว่าขอโอกาสก่อนนะ ขอเวลาเซ็ตชีวิตตัวเองใหม่แล้วจะใช้หนี้ทุกคน (ร้องไห้) อยู่มาเรื่อยๆ หนูก็ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ปรากฏว่าอยู่ดีๆ ตร.สภอ.บ้านฉาง ระยอง บอกว่ามีหมายจับศาลจังหวัดระยอง หนูก็ตกใจ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด หนูเพิ่งออกมาแล้วมีคดีอะไรอีก หนูมั่นใจว่าไม่ได้ไปทำความผิดที่ไหน หนูก็ไปมอบตัว ประกันตัว ปรากฏว่าหนูโดนคดีที่หนูไม่ได้กระทำความผิด คดีนี้วันที่เกิดเหตุหนูอยู่ในเรือนจำ จะออกมาทำความผิดได้ยังไง หมายจับออก 25 ก.ย.63 หนูไปมอบตัวปลายปี 64
เขาบอกเราทำอะไรผิด?
อุ๊ : เขาบอกคดีฉ้อโกง ปลอมแปลงเอกสาร ตอนนั้นเราอยู่ในเรือนจำค่ะ หนูก็เอาใบบริสุทธิ์ว่าช่วงไทม์ไลน์ดังกล่าว หนูไม่ได้อยู่ข้างนอก จะกระทำความผิดได้ไง แล้วจำเลยในคดีนั้นหนูก็ไม่รู้จัก ตัวโจทก์ก็ไม่รู้จัก หนูติดต่อไปหาโจทก์คดีนี้ว่าทำไมเอาหนูมาเป็นผู้ต้องหา เราไม่ได้รู้จักกัน เขายืนยันว่าไม่ได้แจ้งความเรา แต่ร้อยเวรบอกว่าให้แจ้งๆ ไปก่อน ใช่ไม่ใช่ ผิดตัวไม่ผิดตัว ค่อยว่ากันที่หลัง
จำชื่อตร.ได้ใช่มั้ย?
อุ๊ : หนูร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้วค่ะ ร้องเป็นปี แต่กริบค่ะ หนูก็ไปประกันตัวสู้คดี ร้อยเวรที่แจ้งความหนูเขาย้ายไปอยู่จังหวัดอื่น มีร้อยเวรคนอื่นมารับเรื่องแทน เขาเห็นใบบริสุทธิ์ว่าช่วงเวลานั้นหนูอยู่ที่ไหน หนูไม่ได้อยู่ข้างนอก แต่เขาก็ยังส่งฟ้องอัยการ
ตร.สภ.บ้านฉาง ระยอง ทั้งที่คุณบอกว่าไม่ผิด เอาใบบริสุทธิ์โชว์ให้ดู แต่เขาก็มุ่งมั่นสั่งฟ้องคุณไปที่อัยการ?
อุ๊ : ใช่ค่ะ แล้วเรื่องไปดองที่อัยการเกือบปี เพราะท่านเหมือนอยากจะสอบเพิ่ม ตีกลับไปที่พนักงานสอบสวน แล้วสอบเพิ่มด้วยตัวท่านเอง แต่ปรากฏว่ามีคำสั่งไม่ฟ้องตามเอกสารที่ให้กับทางรายการ ยืนยันว่าตัวหนูไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด และตัวโจทก์ในคดีนี้เองไม่ประสงค์ชี้ตัวหนู แล้วตัวโจทก์คดีนี้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปที่จังหวัดระยองว่าไม่เคยประสงค์จะแจ้งความหนู แต่ร้อยเวรยืนยันว่าแจ้งๆ ไปก่อน กลุ่มนี้แหละ
หลังจากคุณมีประเด็นเกิดขึ้น สุดท้ายอัยการไม่ได้สั่งฟ้อง เรื่องนี้เหมือนจะจบ จากนั้นชีวิตดีขึ้นมั้ย?
อุ๊ : หลังจากนั้นมีวัชรีติดต่อกลับมา วัชรีเป็นลูกพี่ลูกน้องกันค่ะ
แม่มีพี่น้อง 3 คน ฐากูรกับพิมพรรณ เป็นลูกป้าคนโต อุ๊เป็นลูกของแม่ น้องของแม่อีกคน มีลูกคือวัชรี ตามศักดิ์คือลูกพี่ลูกน้องกัน จากนั้นยังไงต่อ?
อุ๊ : ช่วงนั้นหนูตั้งครรภ์ลูกคนเล็ก วัชรีก็ติดต่อมาหาหนู ในความเป็นจริงแล้ว ความสัมพันธ์ช่วงนั้นเราโกรธกันเรื่องทำธุรกิจ แต่เขาติดต่อกลับมาเหมือนไม่มีเรื่องโกรธเคืองใดๆ มาก่อน มาพูดดี อาสาช่วยเหลือว่าอยากให้สามีหนูไปทำงานด้วย จะได้มีรายได้มาซัปพอร์ตครอบครัวเลี้ยงลูก ช่วงหนูคลอดลูก เขาก็โอนเงินมาให้ ก็ปักใจเชื่อว่าเขาอาจจะเห็นแก่ความเป็นญาติพี่น้อง ไม่พูดประเด็นที่มีปัญหากันในอดีตเลย เหมือนไม่มีปัญหากันมาก่อน
วัชรีมีส่วนกับพิมพรรณกับฐากรก่อนหน้านี้ด้วยเหรอ?
อุ๊ : ไม่มีค่ะ แค่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไม่ได้มีปัญหากับเรามาก่อน
ทำไมถึงบอกว่าไม่พูดถึงเรื่องในอดีตเลย คือเรื่องอะไร?
อุ๊ : หมายถึงว่าที่ปล่อยเงินด้วยกันแล้วธุรกิจล้ม
วัชรีไม่ได้มีปัญหากับคุณ?
อุ๊ : มีปัญหาเรื่องหนี้สินค่ะ หนูเป็นหนี้เขา แต่วัชรีไม่ได้ฟ้องหนู
ปล่อยเงินกู้ด้วยกันหมด วัชรีอยู่ในกระบวนการพิมพรรณกับฐากรด้วยในการปล่อยเงินกู้?
อุ๊ : ค่ะ เขามาอาสาว่าจะหางานให้โต้งทำ จะได้มีรายได้ ก็ถามว่าธุรกิจอะไร เขาอ้างว่าเพื่อนหนูคนนึงชื่อแตง ติดหนี้เขาเกือบ 6 ล้าน เขาสามารถทำธุรกิจจำนำรถยนต์ได้ภายในไม่เท่าไหร่ก็จะใช้หนี้หมดแล้ว มีการโอนสลิปคนชื่อแตงที่ใช้หนี้เขา เพื่อยืนยันว่าธุรกิจนี้รายได้ดีจริงๆ นะ เขาก็ถามว่าอยากทำมั้ย ตอนนั้นเราก็ตกงาน สามีไม่มีงานทำ ก็เลยรับข้อเสนอ เขาให้สามีหนูติดต่อคนชื่อแตง แตงก็มอบหมายให้สามีหนูไปหาบ้านเช่า เพื่อจอดรถจำนำ แล้วจะให้สามีเฝ้ารถจำนำดูแลความปลอดภัยรถของลูกค้า ให้ไปหาบ้านเช้าที่มีบริเวณกว้าง หนูก็ไปกับสามี ดีลงานกันอยู่ 2-3 วัน เขาก็โอนค่าน้ำมันมาให้หนู คนชื่อแตงบอกว่าเดี๋ยวจะมีคนไปดูหน้างาน ชื่อว่าบอย พอวันที่จะไปดูบ้าน 18 ก.ย.65 เขานัดสามีหนูออกไป แต่ความที่ช่วงนั้น หนูกับสามีไปไหนไปด้วยกันตลอด วันนั้นหนูเป็นแม่ลูกอ่อน ให้นมบุตร ก็เลยไม่สะดวก สามีไปรถมอเตอร์ไซค์ ก็เลยให้เขาไปคนเดียว เขานัดกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งนึง คนชื่อบอยบอกว่ามากับเพื่อนคนนึง แต่คนนั้นไม่ปรากฎตัวให้แฟนหนูเห็น จากนั้นสามีก็พาเขาไปตระเวนดูบ้านเช่า โดยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปด้วยกัน เซอร์เวย์จนเวลาล่วงเลย จะมืดแล้วค่ะ เขาก็ชวนไปร้านอาหาร
นั่งกินกันที่ไหน?
โต้ง : ที่ร้านระเบียงไม้ เมื่อคุยกัน นั่งกินเสร็จ เขาก็จะสั่งเบียร์มากิน สั่งทีละขวด เขาก็จะจ่ายเงิน บางครั้งก็ถ่ายรูปผม เรานั่งตรงข้ามกัน
คุณสงสัยเพราะผิดวิสัย เราไปทานข้าวกัน สั่งเบียร์มาขวด สองขวด สามขวด ค่อยจ่ายตังค์ทีเดียวจบ แต่นี่ไม่ใช่ บอยสั่งขวดแรกมาก็จ่ายเงินเลย สั่งขวดที่สองก็จ่ายเงินอีก เหมือนเสร็จก็จะลุกเลย?
โต้ง : เหมือนเตรียมความพร้อม แล้วลักษณะเขาตัดผมเกรียน เขาพูดคำนึงว่าเพื่อนเป็นสารวัตร ผมก็คิดว่าคนนี้เป็นตำรวจ เพราะคนมีสีจะมาทำธุรกิจเรื่องการจำนำรถ นั่งเสร็จเขาบอกว่าจะค่ำแล้ว เดี๋ยวขับรถตามไปส่ง ผมเอารถเครื่องมา สองทุ่มแล้วผมจะกลับบ้าน เขาบอกว่าเพื่อนเขากลับมาแล้วจากสุรินทร์ จะกลับเลยมั้ย ผมบอกจะกลับ เขาก็บอกจะขับรถตามไปส่ง
ตอนออกมาเห็นอะไรแปลกๆ มั้ย?
โต้ง : ตอนนั่งที่ร้านระเบียงไม้ เป็นรถคันนึงสีดำ เป็นรถกระบะสี่ประตู เขาติดเครื่อง ผมก็สงสัย รถคันนี้จอดสตาร์ททำไม แต่ก็คิดไปต่างๆ นานา ว่าอาจมารับคนอื่นหรือเปล่า
นอกจากสั่งเบียร์แล้วจ่ายเงิน สั่งกับข้าวมาก็จ่ายเงินเลยเหมือนกัน มันเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ผับ สามารถกินเสร็จแล้วจ่ายทีเดียวก็ได้ แต่นี่สั่งอาหาร 1 จานจ่าย สั่งใหม่ก็จ่าย แทนที่จะรวมบิลทีเดียว จากนั้นยังไงต่อ?
โต้ง : ก็ขออนุญาตกลับ ผมลุกขึ้น เขาก็ลุกขึ้น ผมโทรบอกเมียว่าจะถึง 20-30 นาที ผมก็สังเกตมองกระจกหลังว่ามีอะไรมั้ย มีรถคันดำวิ่งตาม เราเห็นไฟตลอด จนถึงแขวงการทาง ผมมองหลังอีกรอบ นั่นคือรอบสุดท้ายที่มองเห็นแสงไฟ ลักษณะเหมือนรถสปีดตัว ผมก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาพุ่งมาชน?
โต้ง : ใช่ครับ
กระบะคันที่จอดที่ร้าน ห่างกันแค่ไหนจากจุดที่ชนกับร้าน?
โต้ง : ประมาณ 8 กิโล
ถ้าหลักร้อยเมตรเข้าใจได้ มอเตอร์ไซค์เขาขี่ออกมา รถคันนั้นอาจออกมาป๊ะกันได้ อาจมาชนเขาได้ แต่ 8 กิโลแล้ว เขาไปจอดเติมน้ำมัน ร้านที่จอดอยู่หน้าร้าน 8 กิโลแล้วขับมาชน มันจะบังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?
ไพศาล : ตรงนั้นเปลี่ยวมั้ย พลุกพล่านมั้ย
โต้ง : ไม่มีรถสวนทางผม
ไพศาล : พฤติการณ์คือให้กินเหล้าก่อน รอที่เปลี่ยว
มันตามมาแหละ?
ไพศาล : คิดแบบโจรก็หาที่เปลี่ยว แสงไฟน้อยๆ
โต้ง : เป็นถนนสี่เลน เป็นคอขวด มืดแล้วครับ
หลังจากถูกชน รอดชีวิตมาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือรถชนแบบนี้อันตราย ไปทำประกันชีวิตไว้ดีกว่า จะได้มีอะไรคุ้มครอง ก็ติดต่อบริษัทไปจะทำประกันชีวิต บอกเลขที่บัตรประชาชนไป ประกันบอกว่าทำไปแล้วนี่ หลายล้าน เขาไม่ได้ทำ แล้วใครเอาไปทำ เช็กแล้วมี 50 กรมธรรม์ 120 ล้าน พอคุณโต้งถูกรถชน หลับไปเลย รู้สึกตัวอีกทียังไง?
โต้ง : คนแถวนั้นมาเรียก เขาได้ยินเสียงรถชน แต่ไม่มีเสียงเบรก เขามาเรียก ผมก็รู้สึกตัวว่ามีญาติแถวนี้อยู่ เขาก็ประสานรถรพ.ให้ ผมก็ได้พูดกับร้อยเวรว่าผมสงสัยคนชื่อบอยที่นั่งกินข้าวกับผมชน ร้อยเวรบอกว่าคิดมากไปหรือเปล่า ตอนเช้าชาวบ้านแถวนั้นบอกว่ามีชายสองคนมาสอบถามป้าที่มาดูผมถูกรถชนว่าคนถูกรถชนเมื่อคืนตายมั้ย
คุณรอดมา พอรอดปุ๊บสิ่งที่เกิดคือคุณอุ๊คิดเรื่องทำประกันชีวิต?
อุ๊ : ค่ะ เพราะลูกยังเล็ก ป่วยบ่อย สามีเพิ่งเกิดอุบัติเหตุ ก็ติดต่อบริษัทประกันภัยแห่งนึง เขาก็คีย์เลขบัตรแม่ คือดิฉัน เขาก็อ้าว คุณมีประกันชีวิตอยู่แล้ว วงเงินเยอะด้วย เป็น 10 ล้านเลย หนูก็ตกใจว่าไม่เคยทำนะคะ หนูเจอต่อหน้าตัวแทนเลย เราอยากทำให้ผัวกับลูก เพราะลูกป่วยบ่อย ปรากฏว่ามีกรมธรรม์เป็น 10 ล้าน เฉพาะเอไอเอ เป็นชื่อหนูที่ทำ หนูก็สงสัยมาเรื่อยๆ พอมาถึงบ้านเลยลองสุ่มโทรหาบริษัทประกันภัยที่ขึ้นชื่อของเมืองไทย ปรากฏว่ามีทุกบริษัทเลย บางบริษัทมีหลายกรมธรรม์ รวมวงเงินประมาณ 48 ล้าน
120 ล้านมาจากไหน?
อุ๊ : ของสามีด้วยค่ะ
โต้ง : 72 ล้านครับ
มีคนทำประกันชีวิตให้คุณ ใส่ชื่อคุณเข้าไป คุณโต้งรวม 72,579,480 บาท และทางฝั่งคุณอุ๊ 48,280,000 บาท รวมสองคน เสียชีวิต ผู้ได้รับประโยชน์ จะได้รับไป 120,859,480 บาท น่าตกใจเหมือนกัน มีเกือบทุกบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต, เอไอเอประกันชีวิต, อยุธยาอลิอันซ์, ทิพยประกันภัย, บริษัทไทยประกันชีวิต, บริษัทสามัคคีประกันภัย, ซิกน่าประกันภัย, กรุงไทยแอ็กซ่า, ซัมซุงประกันชีวิต, อาคเนย์ประกันภัย, ฟิลลิปส์ประกันชีวิต, โตเกียวมารีน สองคนเหมือนกัน แทบจะทุกบริษัท มีความจำเป็นที่บริษัทต้องช่วยตรวจสอบด้วย ไม่งั้นความเสียหายจะเกิดกับตัวท่านเอง?
ไพศาล : เป็นเรื่องความมั่นคงด้วย ฆ่าเอาชีวิตเพื่อเอาเงินประกัน นี่เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบนะ
อยู่ดีๆ เขาเช็กว่าไม่เคยทำประกันเหล่านี้ ในช่วงชีวิตตอนนั้น อยู่ที่ไหน?
อุ๊ : อยู่เรือนจำ พ้นโทษออกมาก็ไม่ได้มีกำลังจะทำประกันมากมายขนาดนั้นค่ะ
จากนั้นเขาเลยเชื่อมโยงว่าเหตุที่โดนรถชน มีที่มาที่ไปยังไง เพราะคนที่จ้างงานเขาหลังเขาออกมา ที่ชื่อวัชรี ไปเรียกบอยมา เขาเชื่อว่าบอยขับรถชนเขา ถ้าบอยขับรถชนจริง วัชรีไปเอาบอยมาจากไหน ที่สำคัญที่สุด คนรับประโยชน์จากกรมธรรม์นี้ มีชื่อวัชรีมั้ย?
โต้ง : มีครับ แล้วระบุว่าเป็นภรรยาด้วย
จากนั้นยังไงต่อ?
อุ๊ : หนูเช็กทุกบริษัท ปรากฏว่ามีทุกบริษัทเลย ส่วนตัวหนูนะคะ ยังไม่ได้เช็กของสามี มีการนัดหมายวัชรีไปทำบุญที่วัดแห่งนึงที่จ.ชัยภูมิ นัดหมายกัน มันก็โพล้เพล้ ค่ำแล้ว วัชรีไปกับเพื่อนชายคนนึง บอกว่าถือกระเป๋าให้พี่หน่อย เหมือนบุ๊กแบงก์ เอามาให้หลวงพ่อเจิมเหมือนเป็นสิริมงคล เหลือบเห็นกระดาษใบนึงปลิ้นออกมา ก็เห็นเป็นใบเสร็จรพ.แห่งนึง เป็นชื่อสามีหนู
คุณเคยไปรพ.นี้มั้ย?
โต้ง : ไม่ครับ ตอนนั้นผมอยู่ในเรือนจำ
โต้งจะไปหาหมอที่รพ.ได้อย่างไร?
โต้ง : สงสัยล่องหน
ตอนคุณได้ไปที่บริษัทประกัน ผู้รับผลประโยชน์จากประกันชื่ออะไร ได้ถามมั้ย?
อุ๊ : ตอนนั้นเขาไม่ได้แจ้งชื่อผู้ได้รับผลประโยชน์ เลยยังไม่รู้
พอคุณเห็นใบนี้จากกระเป๋าวัชรี คุณทำยังไง?
อุ๊ : หนูเริ่มสงสัยว่ามีอะไรแน่ๆ หัวกระดาษเขียนว่าบริษัทประกันภัยแห่งนึง หนูบอกสามีว่าลองโทรไปคอลเซ็นเตอร์ทุกบริษัทสิ ปรากฏว่าเซอร์ไพรส์กว่าเดิม วงเงินประกันมีมากกว่าหนูอีก มี 72 ล้าน
คุณเริ่มสะกิดใจมั้ยว่าเป็นวัชรีแน่ๆ?
อุ๊ : หนูเริ่มสะกิดใจว่าเขาจะทำไปทำไม แล้วใครจะได้ประโยชน์ ไม่นานวัชรีทะเลาะกับสามี แล้วชอบระบายกับหนู ด้วยความลนลาน เขาแคปหน้าจอเฟซบุ๊กสามีว่าสามีด่าด้วยถ้อยคำแบบนี้ๆ แต่เขาลืมไปว่าข้อความนั้นเขาไม่ควรส่งให้หนู
เพราะติดข้อความบางอย่างมา แล้วมันคือคำบอกเล่าเลยว่ามีการพยายามทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง ข้างบนเป็นคลิปทะเลาะกับสามี ข้างล่างเป็นข้อความที่สามีด่าเขา แล้วเขาแคปให้อุ๊อ่าน เขาคุยกับวัชรี มีคำนึงว่า มันอาจเป็นเวรกรรมที่มึงสั่งฆ่าไอ้โต้งก็ได้ เพราะมันไม่รอชาติหน้า สิ่งที่วัชรีส่งข้อความที่ผัวด่าตัวเองให้อุ๊ดู วัชรีเสื-กลืมปิดตรงนี้ มันเลยโป๊ะแตก ทำให้อุ๊รู้ว่าอ้าว วัชรี ที่ผัวกูถูกรถชน มึงสั่งฆ่าน่ะสิ?
อุ๊ : ค่ะ หนูก็นึกย้อนถึงวันที่สามีโดนรถชน เขาแอดมิทที่รพ. ช่วงเวลาสามีแอดมิท หนูมีธุระมากรุงเทพฯ กับคุณแม่ แล้วไปพักที่บ้านวัชรี ตอนนั้นหนูอยากขอโอกาสเขา ขอโทษเรื่องราวทำธุรกิจล้มเหลว หนูก็เอาพวงมาลัยไปกราบเท้าเขา (ร้องไห้) ขอโอกาส แต่ไม่รู้ว่าคนที่หนูกราบตอนนั้น คือฆาตกรที่ฆ่าสามีหนู (ร้องไห้) หนูเพิ่งมารู้ทีหลัง
คุณทำยังไงกับวัชรี พอเห็นใบนี้?
อุ๊ : หนูไม่ถาม และมั่นใจว่ามันเป็นการวางแผน ก็มาทะเลาะกันปลายปี 67 ที่ผ่านมา เขาทะเลาะเรื่องหนี้สิน หนูก็เอาเรื่องนี้มาพูด หนูอัดอั้นมานานแล้ว ก็มีการท้าทายจะฟ้อง เขาจะฟ้องหนูคดีเกี่ยวกับหนี้สิน หนูก็บอกว่าก็มาลองวัดกันดู ปรากฏว่าเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เขาก็ฟ้องหนูจริงๆ ในคดีอาญา ฟ้องหนูคนเดียวไม่พอ ฟ้องสามีหนู ฟ้องแม่หนูที่แก่ๆ มีศักดิ์เป็นน้าเขา (ร้องไห้) ทั้งที่ทำธุรกิจร่วมกัน คนเหล่านี้ไม่ได้รู้อะไรเลย หนูก็ได้ความเมตตาจากศาล บารมีศาล ยกฟ้องให้หนูเป็นผู้ชนะคดี (ร้องไห้) เมื่อ 15 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา (ร้องไห้) แต่หนูคิดว่าจุดประสงค์ของเขา คือหลังจากเขารู้ว่าหนูรู้ว่าเขาทำอะไรกับครอบครัวหนู เขาก็เอาคดีมาจะให้หนูติดคุกอีก สามี แม่ เพื่อไม่ให้หนูรื้อเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมา หนูเชื่อแบบนั้นค่ะ
ตกลงคนรับประโยชน์จากกรมธรรม์ต่างๆ 50 ฉบับ ใครได้รับประโยชน์?
อุ๊ : พอหนูกับสามีทราบว่ามีกรมธรรม์เลขที่นี้ บริษัทนี้ หนูก็ไปขอความอนุเคราะห์จากคปภ. ศรีสะเกษ ไปขอความอนุเคราะห์จากท่าน ว่าขอให้ดึงสารบบพวกหน้ากรมธรรม์ มาดูรายละเอียดว่าใครเป็นผู้รับผลประโยชน์ วงเงินเท่าไหร่ แล้วพวกหนูมั่นใจว่าพวกหนูไม่ได้ทำ ใบคำขอเอาประกันต้องมีลายเซ็นของเรากับสามี ก็ได้ความอนุเคราะห์จากท่าน ได้กรมธรรม์บางส่วน เห็นข้อมูลหมดเลยว่าที่จัดส่งเอกสาร ที่อยู่อีเมล์ติดต่อ เป็นที่อยู่บริษัทคุณวัชรี และระบุว่าวัชรีเป็นผู้รับผลประโยชน์จากการเสียชีวิตของสามีหนู แล้วระบุความสัมพันธ์ว่าเป็นภรรยา อีกอย่างคือไม่ได้รับแค่วัชรีคนเดียว มีผู้หญิงคนนึงโผล่ขึ้นมา บางบริษัทว่านางกสิลาเป็นผู้รับผลประโยชน์ และระบุเป็นภรรยาอีก ข้อมูลเชิงลึกที่ไปสืบมาอีก หนูให้สามีไปเช็กที่กรมพัฒนาธุรกิจจังหวัดว่าเคยมีหุ้นส่วนหรือเป็นกรรมการไหนมั้ย ก็มีตามนี้ค่ะ พอเช็กในสารบบกรมพัฒนาธุรกิจ ปรากฏว่ามีชื่อกสิลาเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทนางวัชรีด้วย
กสิลารู้จักวัชรี เพราะถือหุ้นบริษัทเดียวกัน ทั้งสองคนเป็นเมียคุณหมดเลย โอ้โห แล้วคุณเอง ใครเป็นผู้รับประกัน?
อุ๊ : ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อมูล รอเอกสารค่ะ
ต้นอ้อ : มีชื่อเขาอยู่ในบริษัทด้วย โดยเขาไม่รู้ตัว การทำกรมธรรม์ที่อ้อเข้าใจที่วงเงินสูงๆ เขาต้องดูหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องรายได้ หน้าที่การงาน ซึ่งอ้อมองว่าเขาวางแผนไว้พอสมควรในการเอาชื่อพี่โต้งเป็นกรรมการบริษัท เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือในการทำกรมธรรม์ อันนี้พี่เขาก็ไม่รู้ตัว อยู่บริษัทเดียวกันกับกสิลา มีหุ้นส่วนอยู่ในนั้น
ถ้าเป็นอย่างที่เขาบอก น่ากลัวมาก อันดับแรก มีด้วยเหรอ การไปทำประกันแทนกัน วัชรีเป็นญาติพี่น้อง อยู่ดีๆ บอกว่าโต้งเป็นผัว ไปทำประกันชีวิตเพื่อตัวเองได้รับผลประโยชน์เวลาโต้งตาย?
โสรัจจ์ : จากที่ฟ้องข้อเท็จจริง ถ้าเป็นความจริงนี่เป็นเรื่องที่น่าหดหู่มาก การที่คนๆ นึงทำทุจริตแล้วเอาชีวิตของคนใดคนหนึ่งมาเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แบบนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ทั้งกฎหมายและมิติทางสังคม ประเด็นเกี่ยวข้องกับการทำประกันภัย เรื่องการทำประกัน จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 หลักการ คือเรื่องการมีส่วนได้เสีย ทำไมเมื่อกี้ข้อเท็จจริง ถึงได้มีการเชื่อมโยงถึงการระบุว่าเป็นภรรยา เป็นผู้นี้ที่มีส่วนได้เสียกับการทำประกันภัย เพราะถ้าไม่สอดคล้องกับการมีส่วนได้เสีย จะไม่เกิดผลในทางสัญญา ความคุ้มครองก็จะไม่เกิด กรมธรรม์ตรงนั้นจะเป็นโมฆะ การมีส่วนได้เสียทางประกันภัยดูสองลักษณะ อย่างแรกตัวผู้เอาประกันภัยเขาทำเอง แน่นอนเรื่องประกันชีวิต ทุกคนก็มีส่วนได้เสียในชีวิตของตนเอง ก็นำตรงนี้ไปทำประกันภัยเพื่อคุ้มครองชีวิตเราได้ ถ้าบุคคลอื่นทำประกันให้บุคคลใดๆ ทำได้มั้ย เชิงหลักการทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การมีส่วนได้เสียของผู้เอาประกันภัยเช่นเดียวกัน จะมี 3 กรณี อันแรกคือต้องเป็นสิทธิหน้าที่ตามกฎหมาย เช่นพ่อแม่ทำประกันให้ลูก สามีภรรยา หน้าที่ตามกฎหมาย เป็นหน้าที่พึงกระทำ สองคือทางธรรมจรรยา เคยดูแลกันมา ก็ถือว่ามีส่วนได้เสียในคนที่ถูกดูแลซึ่งกันและกัน สามคือทางสัญญา นายจ้างทำประกันชีวิต ทำประกันอุบัติเหตุให้ลูกจ้าง หรือเจ้าหนี้ลูกหนี้เพื่อทำเป็นหลักประกันเรื่องตัวหนี้ ทีนี้ถ้าการทำกรมธรรม์สอดคล้องตรงนี้ ประกันก็ได้รับความคุ้มครอง ถ้าย้อนกลับมาในเคสพี่ทั้งสอง การมีส่วนได้เสียไม่เกิดขึ้นเลย เพราะเป็นเรื่องแอบอ้าง แต่ทำไมกรมธรรม์ถึงออกมาได้ ผมตั้งข้อสังเกตที่น่าสงสัยว่า หนึ่งผู้มีส่วนร่วมทำกรมธรรม์นี้ มีข้อมูลจากคุณพี่ทั้งสองค่อนข้างเยอะมาก บัตรประชาชนต้องมี ใบคำขอ ข้อมูลประวัติต่างๆ มันมีรายละเอียดที่มีความเชื่อมโยงกันในอดีต สองคนมีส่วนร่วมต้องเข้าใจการทำประกัน ไม่งั้นคงไม่สามารถอธิบายหรือกรอกข้อมูลในใบคำขอ ซึ่งในทางประกันชีวิตจำเป็นต้องมี ว่าผู้รับผลประโยชน์เกี่ยวข้องในฐานะอะไร อันนี้แสดงว่าคนใดคนนึงทำคนเดียวไม่ได้ ต้องมีการวางแผน ทำเป็นกระบวนการแน่นอน หนึ่งลูกพี่ลูกน้องที่ได้รับผลประโยชน์ (วัชรี) สองตัวแทนต้องรู้กันกับวัชรี เพราะนำข้อมูลทั้งสองท่านไปสู่บริษัทประกันภัย เขาทำสัญญาตัวแทน ตัวแทนเป็นผู้ชี้ช่องเสนอขายกรมธรรม์ เป็นไปได้ยังไงที่ใบเสร็จรับเงินออกมา โดยสองท่านไม่ได้ไปตรวจที่รพ. ตัวแทนต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ไปที่บริษัทประกันภัย แสดงว่าตัวแทนต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมว่าทำคนเดียวไม่ได้ หลายภาคส่วนเป็นปัญหา ทำเป็นกระบวนการอย่างแท้จริงๆ
เคยมีเคสแบบนี้เหรอ?
โสรัจจ์ : ต้องเรียนว่าในอดีตเราเจอพฤติการณ์ลักษณะแบบนี้ เข้าลักษณะการฉ้อฉลเรื่องการประกันภัย ที่ผ่านมา เราพยายามป้องกันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ให้ความรู้พี่น้องประชาชนเรื่องทำประกันภัย และปราบปรามด้วย เราดำเนินคดีถึงที่สุด ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด เรามองว่าประกันภัยเป็นเรื่องพี่น้องประชาชน เงินค่าเบี้ยที่จ่ายไปโดยเป็นเรื่องทุจริต มันส่งผลกระทบต่อภาพรวม
วัชรีผู้รับประโยชน์ แสดงว่าวัชรีต้องรู้จักตัวแทนทุกบริษัทเหรอ?
โสรัจจ์ : สองคนนี้เชื่อว่าต้องมีความเชื่อมโยงและรู้จักกัน
มีหนึ่งในบริษัทนี้ มีคนๆ นึงซึ่งเราอาจลืมไปแล้ว มีการเอ่ยชื่อคนๆ นี้ตั้งแต่ต้น คนนี้เป็นถึงหัวหน้าหน่วย อยู่ในหนึ่งในบริษัทประกัน ที่มีการไปทำ คนนั้นชื่ออะไร?
อุ๊ : พิมพรรณค่ะ
พิมพรรณคือญาติพี่น้องของเขา พิมพรรณ ฐากร วัชรี พิมพรรณเป็นตัวแทนบริษัทประกันบริษัทนึง เป็นระดับผู้จัดการ มีเงินอยู่ในนี้ เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับพิมพรรณ ทำไมถึงเชื่อว่าเป็นพิมพรรณ?
อุ๊ : หนูโทรถามคอลเซ็นเตอร์ เขาแจ้งชื่อตัวแทนเลยค่ะ
วัชรีเป็นผู้รับประโยชน์ พิมพรรณเป็นตัวแทน?
อุ๊ : สามีและพี่สาวของพิมพรรณก็เป็นตัวแทนด้วยค่ะ กรมธรรม์มันหลายเล่มค่ะ
โสรัจจ์ : ในเมื่อได้รับการยืนยันจากพี่ทั้งสองว่าท่านไม่ได้มีเจตนาทำเอง มีคนแอบอ้างชื่อท่าน ข้อมูลเหล่านี้ ใบคำขอเอกสารรับประกันภัย ต้องมีการทำผ่านตัวแทน ท่านไม่ได้ซื้อตรง ดังนั้นตัวแทนต้องรู้ว่าผู้เอาประกันที่แท้จริงคือใคร?
อุ๊ : เขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะเป็นญาติกัน
โสรัจจ์ : ผมว่าเรื่องนี้ต้องไปขยายผลกับตัวแทนที่ทุจริต มันคือกาฝากของอุตสาหกรรม ต้องดำเนินการ
จะทำยังไงกับกรมธรรม์ทั้งหลาย?
โสรัจจ์ : โดยสภาพตัวกรมธรรม์ทั้งหมด เกิดขึ้นโดยการที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้มีส่วนได้เสีย เป็นการปลอมขึ้นมาทั้งหมด ปลอมเอกสารต่างๆ
คุกยกแก๊ง?
โสรัจจ์ : ตัวกรมธรรม์ไม่ให้ความคุ้มครอง เป็นโมฆะ สัญญาไม่เกิด
เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร คุกยกแก๊งมั้ย?
ไพศาล : คุกยกแก๊ง แต่ที่พูดกันอยู่ ปลายเหตุหมดเลย เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หน่วยงาน คปภ. ต้องกลับไปตรวจ เพราะมันใช้ระบบราชการในการยืนยันตัวบุคคล มันมีพวกข้าราชการ พนักงานนั่นโน่นนี่ เห็นช่องว่างในระบบเอามาก่ออาชญากรรม สุดท้ายเอาคนบริสุทธิ์มาทำประกัน เอาเงินประกัน ฆ่าเขาโดยไม่รู้ เอาเขาไปยัดคุก แล้วถามว่าถ้าใช้เอกสาร จะเอาอะไรไปยืนยัน ดูอย่างแบงก์สิ เขายังใช้วิธีสแกนหน้าเลย พวกนี้หาโอกาสทำยาก โจรไปเร็วกว่าเราแล้ว ฉะนั้นฝากไปถึงหน่วยงานเลย อันนี้เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่รูปแบบใหม่ มีมานานแล้ว คปภ.ต้องแก้กฎหมาย คนนั้นเอาประกัน คนนี้รับประโยชน์ ทำยังไง เริ่มถามตัวเองแล้วใครเอากูไปซื้อบ้างเนี่ย เราก็หน้าตาดี หล่อซะด้วย ประเด็นถามท่าน นี่ปลายเหตุนะ แต่ผิดยกแก๊ง ทั้งกระบวนการ ไล่พยานหลักฐาน ถ้าเชื่อแล้วมีพยานหลักฐานพิสูจน์ในศาล เชื่อว่าคนแรกที่ฟ้องคุณ เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับประกันภัย แสดงว่ามีสารตั้งต้นแล้ว วัชรีเป็นญาติ ระหว่างคุณติดคุกเขาคุยกันแล้ว พีคของเรื่องนี้คือออกมาแล้ว ออกมาแล้วเว้ย เอาไงถึงได้เงิน มีเวนคืนกรมธรรม์ด้วย ถ้าเวนคืนตัวแทนได้ค่าคอมพ์ฯ นะ มันโป๊ะแตก โบ๊ะบ๊ะไปหมด บอย ที่บอกว่าเป็นตร.อยู่โคราช นักข่าวไปตามเลย วัชรีคุณรอเลย มันเป็นกระบวนการ
โสรัจจ์ : จริงๆ กระบวนการพิสูจน์พิสูจน์เพื่อยืนยันตัวบุคคล เชิงประกันภัย เรามีหลายระดับ หลายขั้นตอนมากๆ มีเรื่องเควายซีในการยืนยัน ถ้าผ่านกระบวนการออกกรมธรรม์ไปได้ จะมีเรื่องการส่งมอบกรมธรรม์ มีระยะเวลายกเลิกกรมธรรม์ตรงนั้น ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ ถ้าเป็นผู้ทำประกันภัยจริงๆ เขาตรวจสอบกรมธรรม์ตัวเองได้ดี แต่แน่นอนทุกวงการ มีทั้งตัวแทนที่ดี ตัวแทนที่เลว และคนที่คิดจะทำชั่ว
คปภ. มีแนวโน้มจัดการกับคนพวกนี้ยังไง?
โสรัจจ์ : ผมว่าต้องมีการดำเนินการ ขยายผลต่อกับตัวแทนที่เป็นปัญหา เบื้องต้นเรามีข้อมูลระบุชื่อตัวแทนอยู่ในหน้ากรมธรรม์ บางส่วนก็ได้มาแล้ว เราจะขยายผลดำเนินการจากตรงนี้ต่อไป
คุณเช็กเรื่องราวมา กลายเป็นว่านายบอย เป็นตร. อยู่ที่ไหน?
โต้ง : สภ.เมืองโคราช
เห็นว่ามีกรณีคนที่เขาพยายามแจ้งความเอาผิดที่บ้านฉาง เขากลับลำบอกคุณยังไง?
อุ๊ : เขาบอกว่าพี่ไม่ได้ประสงค์จะดำเนินคดีกับเธอ พี่ไม่ได้รู้จักเธอ ชื่อนามสกุลเธอก็ไม่รู้ จะแจ้งความเธอได้ยังไง มันจะมีในคำเอกสารของอัยการที่สั่งไม่ฟ้องมีการบอกว่าร้อยเวรเจ้าของคดี เป็นคนแจ้งให้บอกว่าเป็นคนนี้เลย ไม่เป็นไร ผิดตัวก็ค่อยว่ากัน ค่อยถอนให้เขา
เขาบอกว่าโดนวางงาน?
อุ๊ : คนที่บอกว่าหนูโดนวางงาน คือคนที่ติดคุกในคดีที่เกิดขึ้นค่ะ พอหนูโดนคดี หนูพยายามติดต่อจำเลย ผู้ต้องหาคดีที่บ้านฉาง เขาก็เลยบอกว่ามึงโดนวางงาน จากใครก็ทราบค่ะ แต่หนูไม่ขอเอ่ยค่ะ หนูคิดว่าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดค่ะ
มีตัวใหญ่กว่านั้นอีกเหรอ?
อุ๊ : มีแต่พูดไม่ได้จริงๆ ค่ะ คนนี้เป็นผู้มีอิทธิพล หนูกลัวค่ะ
ทำไงดี เขากลัว?
ธีรยุทธ : เท่าที่ฟังมา ในฐานะหน่วยงานรัฐที่จะช่วยได้ หนึ่งคือดูแลเรื่องความปลอดภัยของท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอิทธิพลจากไหนก็ตาม หรือคู่กรณีที่อาจจะทำให้เราหวาดระแวงต่างๆ ตรงนี้ วันนี้ผมรับฟังข้อมูลต่างๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ได้คุยเบื้องต้นแล้ว เราจะดูแลความปลอดภัยให้ในฐานะพยานคดีอาญา ไม่ว่าจะคุณอุ๊ คุณโต้ง หรือผู้ใกล้ชิด ถ้าไม่มีความมั่นใจความปลอดภัยในชีวิตตัวเอง เราจะมีทีมไปดูแลให้ ถ้าดูแล้วสถานการณ์ในพื้นที่บ้าน ภูมิลำเนา อาจไม่โอเค เราจะพิจารณาพาไปอยู่เซฟเฮ้าส์ นี่คือเรื่องความปลอดภัย แต่ ณ ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในฐานะข้อมูลประกันภัย วันนี้ท่านไม่มีความยินยอมให้ข้อมูลของท่านอยู่ในฐานข้อมูลบริษัทนั้น ท่านใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย โดยขอให้บริษัทประกันภัยต่างๆ แต่ละบริษัท หนึ่งเอาชื่อออกจากฐานข้อมูล ขอลบทั้งหมด ขอยกเลิกความยินยอม ไม่ว่าจะยินยอมเองหรือไม่ยินยอมก็ช่าง ณ วันนี้ท่านสามารถใช้สิทธิตรงนี้ตามกฎหมายได้เลย
ต้นอ้อจะทำยังไงต่อ?
ต้นอ้อ : จะพาเขาไปแจ้งความวัชรี ตอนแรกน้องไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ ตอนนี้ทราบแล้ว เดี๋ยวจะขอให้ท่านทางกระทรวงยุติธรรม แนะนำเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี เพราะน้องได้แจ้งที่ศรีสะเกษ ตร.บอกว่าต้องแจ้งที่กรุงเทพฯ คือบริษัทประกันต่างๆ ซึ่งเรามองว่ามี 50 ที่ แจ้งตามพื้นที่ต่างๆ ก็คงไม่ไหว งั้นเราควรหาจุดกลางให้เขา ในการแจ้งความดำเนินคดีกับตัววัชรี
วัชรี อยู่ในสาย บอกว่าคุณสองคนให้เขาทำประกันเอง?
อุ๊ : ไม่จริงค่ะ
เขาบอกคุณเป็นมิจฉาชีพ?
อุ๊ : ไม่จริงค่ะ
โต้ง : ถ้าเป็นมิจฉาชีพ แล้วจะฆ่าตัวเองทำไม
อุ๊ : เขาฟ้องหนูล่าสุด ศาลยกฟ้องค่ะ
ต้นอ้อ : มั่วแล้ววัชรี ร้ายนะ
เขาบอกคุณฟ้องเขาแต่ศาลยกนะ?
วัชรี : ไม่ได้ยกค่ะ ฟ้องใหม่
เขาว่าเขาฟ้องคุณ 19 ล้าน?
อุ๊ : นี่แหละค่ะ คำพิพากษา แล้วฟ้องหนู 50 ล้านด้วยซ้ำ
คดีฟ้องร้องคุณไปว่ากัน แต่ประเด็นคือคุณเอาชื่อเขาไปทำประกันจริงมั้ย?
วัชรี : ทำจริง
เขาบอกคุณจะลงเลือกตั้งนายก อบต. เลยให้ไปทำประกัน เพราะไม่ปลอดภัยกับชีวิตคุณ?
อุ๊ : โดยคุณสมบัติลงไม่ได้อยู่แล้วค่ะ
ทำไมผู้รับผลประโยชน์ถึงเป็นคุณ ทำไมไม่เป็นเมียล่ะ ที่สำคัญคุณทำเอกสารที่รพ. เขายังอยู่เรือนจำอยู่เลย คุณไปทำได้ยังไง?
วัชรี : ผู้รับผลประโยชน์ไม่ใช่
แล้วเป็นชื่อใคร มันเป็นชื่อคุณนะที่เห็นอยู่นี่ อีกอันเป็นชื่อกสิลา?
วัชรี : เขาไปทำเอง
จะไปได้ยังไง ในเมื่อเขาอยู่เรือนจำ?
วัชรี : ทำก่อนติดคุกค่ะ
ต้นอ้อ : วันที่มันระบุได้ค่ะ คุณวัชรี
โต้ง : แล้วรพ.จะโกหกเหรอ
ต้นอ้อ : พรุ่งนี้มาออกโหนหน่อยมั้ย
วัชรี : เขาได้ประโยชน์ในการคุ้มครอง แต่หนูเสียเบี้ย
แต่สุดท้ายถ้าเขาตาย คุณได้รับเงินนะ เดี๋ยวจะนัดมาเจอส่วนตัวก่อน ไม่ต้องออกทีวีก็ได้ เขาบอกว่ายินยอมให้ทำประกันมั้ย แล้วใครเซ็น วัชรีบอกตอนนั้นโควิด ทำออนไลน์?
อุ๊ : มีกรมธรรม์ที่ทำก่อนวันเกิดเหตุ แค่ 2-3 อาทิตย์ก็มีค่ะ
เดี๋ยวจะให้คปภ. ผู้ช่วยเลขาธิการสายตรวจสอบท่านอยู่ตรงนี้พอดี เดี๋ยวจะให้ท่านเช็กทั้งหมด อะไรจริงไม่จริงเดี๋ยวออกมาหมด คุณบอกว่าคุณไม่ได้เซ็นเอกสารเลย แต่คุณเป็นคนติดต่อตัวแทนและเป็นผู้รับประโยชน์ ตัวแทนคือคุณพิมพรรณ เรื่องนี้จะเอายังไงต่อไป วัชรีบอกสู้ตามความเป็นจริง?
โสรัจจ์ : มีข้อสงสัยหลายประการ ผู้เอาประกันภัยไม่ได้มีการลงนาม ซึ่งโดยหลักเขาต้องลงนามด้วยตัวเขาเอง
เขาบอกเขาไม่ทราบ?
โสรัจจ์ : จะไม่ทราบได้ไง คุณเป็นคนคุยกับประกัน และเป็นผู้รับประโยชน์
เขาบอกตอนนั้นเป็นโควิด ไม่ให้เจอหน้ากัน?
โสรัจจ์ : ความตั้งใจความยินยอม ผู้เอาประกันภัยสองท่านเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ ณ ขณะนี้ แล้วจะพิสูจน์ยังไง
ตกลงคุณเองเป็นผู้รับประโยชน์ กี่กรมธรรม์ จำไม่ได้ใช่มั้ย ทำไมต้องใส่ชื่อคุณ ทำไมต้องทำถึง 50 กรมธรรม์ มีชื่อคุณหลายฉบับ และมีชื่อกสิลา คุณไม่รู้จักเหรอ เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัทคุณนะ คุณจะบอกว่าไม่ใช่ได้ไง มันมีชื่อนะ ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องแล้วเขาอยู่ในบริษัทคุณได้ยังไง อ๋อ คุณเอาชื่อเขามาอ้างในบริษัทคุณ กสิลาทำไมมีชื่อรับผลประโยชน์ เขาบอกว่าเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้เขาฟ้องกสิลาเหมือนกัน เพราะฉ้อโกงเงินไป 6 ล้านเหมือนกัน ถามนิดนึง ทำไมต้องระบุในกรมธรรม์ว่าคุณเป็นเมียโต้ง (วัชรีบอกตัวแทนบอกให้ระบุแบบนี้) ตัวแทนคือพิมพรรณเหรอ เช็กมาเป็นพิมพรรณนะ (วัชรีขอไม่พูด ให้ฝั่งโน้นพูดเอง) คุณต้องไปหาความเชื่อมโยงกับกสิลา เพราะตอนนี้ที่ได้มาอยู่ในมือ กสิลา มีชื่ออยู่ในบริษัทคุณ แต่คุณบอกว่ากสิลาคุณยืมชื่อเขามาเพื่อตบตาเรื่องบริษัท ถูกมั้ย (วัชรีบอกใช่ และโดนกสิลาฉ้อโกง) ไลน์ผัวคุณที่บอกว่าคุณจะฆ่าโต้งล่ะ (วัชรีบอกว่าเวลาเมาแฟนจะเป็นแบบนี้) คุณรู้จักบอยมั้ย ที่เป็นตร. (วัชรีบอกไม่รู้จัก) ทำไมต้องทำถึง 120 ล้าน (วัชรีบอกเขาทำแค่ความเสียหายที่อุ๊ทำให้เขาเสียหาย) คุณทำไปเท่าไหร่ทั้งหมด ของคุณอุ๊เขาบอกผู้รับผลประโยชน์เป็นแม่คุณนะ?
อุ๊ : ยังไม่เห็นหน้ากรมธรรม์เลย มันไม่แปลกหรอกค่ะที่ระบุแม่หนูเป็นผู้รับผลประโยชน์ เพราะในทางกฎหมาย แม่เป็นผู้รับผลประโยชน์ แล้วในช่วงที่หนูโดนคดี เขาเป็นคนวิ่งเต้นประกันตัวให้หนู ให้แม่หนูเซ็นสัญญาเงินกู้เปล่า โดยไม่กรอกข้อความใดๆ เพื่อให้แม่รับสภาพหนี้ มีพยานค่ะ
เขาบอกคุณทำโฉนดปลอม?
อุ๊ : หนูโดนหลอกมาอีกที คดีนี้เขาฟ้องหนูมา ที่ศาลยก คดีที่เขากำลังพูดนี่แหละค่ะ
ต้นอ้อ : เขาบอกว่าเขาทำวงเงินเพื่อหักกับยอดหนี้
ตกลงคุณให้เขาเซ็นเอกสารลมจริงมั้ย (วัชรีบอกว่าสองคนนี้เป็นมิจฉาชีพ เช็กประวัติได้เลย หมายศาลเต็มเลย)?
อุ๊ : ก็ที่โดนฟ้องมา ก็เล่าทุกย่างให้ฟัง เขาฟ้องมาศาลก็ยกเมื่อ 25 มี.ค. 68 ที่เขาเป็นโจทก์
เขาถามว่าได้รับหมายศาลล่าสุดหรือยัง?
อุ๊ : ยังไม่ได้รับค่ะ
พูดง่ายๆ วัชรีตั้งฟ้องเขาไป แล้วไม่ครบองค์ประกอบ ศาลก็เลยไม่รับไว้ คำร้องของวัชรีไม่ครบองค์ประกอบ วัชรีเลยจะยื่นใหม่?
อุ๊ : คดีสิ้นสุดแล้วนะคะ จะฟ้องคืนอยู่ค่ะ
เขาบอกฟ้องมาเลย?
อุ๊ : เป็น 20 กว่าคดีค่ะ เขาไม่อุทธรณ์ค่ะ คดีสิ้นสุดแล้วค่ะ ศาลยกตั้งแต่ชั้นไต่สวนค่ะ
เขาบอกไม่อยากฟังคำพูดมิจฉาชีพ?
ต้นอ้อ : จ้ะ (หัวเราะ)
คุณทราบมั้ยผิดกฎหมาย คุณมีชื่อรับผลประโยชน์โดยเจ้าตัวไม่ยินยอมและไม่เซ็น ตอนนี้คุณผิด (วัชรีบอกว่าไม่มีความผิด)?
โสรัจจ์ : เรื่องปลอมกับคดีอาญา มีความผิดอยู่แล้ว
เขาบอกเขาเป็นคนจ่ายเบี้ยประกันนะ?
โสรัจจ์ : ไม่เกี่ยว
ต่อให้จ่ายเบี้ยประกันก็ไม่เกี่ยว ประเด็นอยู่ที่เขาไม่ได้เป็นคนเซ็น และเขาไม่ได้ต้องการให้คุณรับผลประโยชน์ คุณให้การกับตร. แล้วไปเบิกความกับศาลแบบนี้นะ ทางทนายแนะนำ ที่คุณบอกว่าคุณเป็นคนจ่ายเบี้ย เขาบอกคุณโต้งเป็นคนจ่ายต่อ?
อุ๊ : เป็นไปไม่ได้เลยค่ะ
ต้นอ้อ : พูดอะไรให้มีหลักฐานหน่อยวัชรี
ไพศาล : กระบวนการจะพูดอะไร การพิสูจน์ต้องมีพยานหลักฐาน พูดลอยๆ ถือว่าไม่มีน้ำหนัก
เอาจริงๆ นะ ชีวิตกูวันๆ เจอเรื่องอะไรวะ แล้วเจอคนอะไร งงไปหมดแล้วเนี่ย เขาพยายามบอกว่าเขาเป็นคนจ่ายเบี้ย ผู้รับผลประโยชน์เป็นเขาจริง เพราะทางนี้เป็นหนี้เขาก็เลยเอาชื่อเขาใส่ ถามว่าทำไมต้องบอกว่าเป็นเมียด้วย เขาบอกว่าต้องถามทางตัวพิมพรรณ ตัวแทน ตัวแทนแนะนำ?
ต้นอ้อ : ก่อนเข้าคุก เขามีเรื่องกันเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่แล้ว แล้วอยู่ดีๆ จะมาห่วงใยเรื่องนี้ มันแปลกมั้ย
โสรัจจ์ : เรื่องนี้อยู่ที่กรมธรรม์ ยินยอมให้มีการทำหรือเปล่า ถ้าไม่มีการยินยอม ไม่ได้มีการมอบอำนาจ ไม่ได้มีการลงนามในใบคำขอ เท่ากับว่าพี่ทั้งสองไม่มีเจตนาทำประกัน เขาเป็นคนสวมรอย ถ้าจากข้อมูลที่ท่านให้มานะ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่านี่คือการปลอมแปลงเอกสาร มีความผิดทางอาญา เวลาพูดอะไรต้องมีหลักฐานสนับสนุน ถ้าบอกว่าพี่เป็นคนจ่ายค่าเบี้ยประกันภัย ถ้าหลักฐานออกมา ใครเป็นคนจ่าย 50 กรมธรรม์มันสิ้นความคุ้มครองไปหมดแล้ว
อุ๊ : วันที่อ่านคำพิพากษา ที่พิมพรรณฟ้อง ตัวสามีหนูไปกับทนายความ พอศาลอ่านคำพิพากษามีโทษจำ ให้ไปรอใต้ศาล การเข้าเรือนจำ ไม่สามารถเอาอะไรเข้าไปได้เลย เลยฝากบัตรประชาชนไว้กับทนายความ ทนายความคนนี้ก็รู้จักกับวัชรี เอกสารหนู เป็นคนให้เขา แม่ และพี่น้อง ช่วยประกันตัวช่วงที่หนูกำลังสู้คดี หนูส่งมอบเอกสารไป เพราะอยู่ข้างในทำอะไรไม่ได้ หนูเชื่อว่าเขาน่าจะเอาเอกสารตัวนี้ไปทำต่างๆ นานา หนูมีการสอบถามกรมธรรม์หลายบริษัท มีการบอกว่ามีการเวนเงินคืนให้กับ... ค่ะ
โสรัจจ์ : จริงๆ เรื่องอาญา ตร.ดำเนินการได้เลย ส่วนเอกสารหลักฐานที่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ ทางคปภ.จะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องข้อมูลเหล่านี้ในการประสานงานกับทางบริษัท อย่างไรก็ดี ตอนนี้สามารถตรวจสอบได้เอง เข้าผ่านระบบไลน์ ไปลงทะเบียนและตรวจสอบกรมธรรม์ได้ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมตัวแทน เราพบข้อสงสัยหลายเรื่อง เราจะเข้าไปตรวจสอบ ตั้งแต่ต้นทาง ถึงการออกกรมธรรม์ว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ตรงไหนที่ทุจริต ผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างเข้มงวดและไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ฐานข้อมูลต่างๆ เป็นข้อมูลของคุณพี่ทั้งสอง ถ้าบริษัทประกันภัยได้ดูอยู่ก็ต้องลบข้อมูลออกไป
ไพศาล : ผมขำอย่างเดียว ชอบที่เขาบอกว่าผัวเมาบอกว่าเขาจะฆ่าโต้ง
ต้นอ้อ : อยากให้รพ.ตรวจสอบเรื่องใบรับรองแพทย์ด้วยค่ะ
โต้ง : ผมพูดไม่ออก น้ำตาจะไหล ถ้าเขาทำประกัน ถ้ามีจิตใจที่สำนึกความเป็นคน อาจใส่ชื่อภรรยาผมไปหน่อยก็ยังดี อย่างน้อยๆ ถ้าผมเสียชีวิตไป คนอยู่ข้างหลังผม ภรรยา ลูก ครอบครัว เขาอาจได้รับในส่วนนั้นบ้าง อย่างน้อยๆ ก็ได้ดำเนินชีวิตต่อไป (ร้องไห้) ถ้ามีความเป็นคน เป็นมนุษย์ มีจิตใต้สำนึกความเป็นคนหมด คนเราผิดถูกชั่วดีรู้หมด แต่อยู่ที่การกระทำ