หมายเหตุ : “อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด”  สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย   ให้สัมภาษณ์พิเศษ รายการ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” สะท้อนมุมขณะเดียวกัน วันนี้ “พรรคเพื่อไทย” ในฐานะแกนนำรัฐบาล มีความเข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน และอย่างไร เพียงพอทำหน้าที่เป็นฐานกำลังทางการเมืองให้กับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี หรือไม่ ออกอากาศทางช่องยูทูบ Siamrathonline เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568

-วันนี้สถานการณ์ทางการเมือง เป็นบวกหรือลบอย่างไรต่อพรรคเพื่อไทย

ตอนนี้อยู่ในระหว่างปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังมีการทำหน้าที่ในการประชุมของคณะกรรมาธิการฯในคณะต่างๆ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเอง เพิ่งเสร็จสิ้นจากการประชุมครม.สัญจร ที่จ.นครพนม เราจะเห็นว่าช่วงนี้ เป็นช่วงครึ่งเทอม มาถึงกลางทางของวาระสภาฯ ซึ่งมีอายุ 4 ปี วันนี้อายุของสภาฯตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม 2566 มาถึงวันนี้เท่ากับ 2 ปีพอดี เรียกว่ามาครึ่งทางแล้ว

แม้หากจะนับการทำงานของช่วงนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ประมาณ 8 เดือน แต่วาระสภาฯถือว่ามาถึงครึ่งเทอมแล้ว ถ้าเรามองการทำงานของรัฐบาลตั้งแต่สมัยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน ต่อมาถึงนายกฯแพทองธาร ต้องบอกว่ายังมีความเชื่อมั่น มีความมั่นใจ ว่าวาระของสภาฯ จะไปครบ 4 ปีแน่นอน และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2570

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ ด้วยความที่อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม จึงไม่ได้มีภาพของการทำงานในสภาฯ แต่รัฐบาลยังคงขับเคลื่อนนโยบายสำคัญๆอยู่  แต่ทั้งนี้สภาฯจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคมนี้ ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการฯเพื่อไปพิจารณางบประมาณในวาระที่ 2 คาดว่าจะมีขึ้นในเดือนมิถุนายน เป็นไปตามวาระของสภาฯ  ตามภารกิจของรัฐบาล

ต้องไม่ลืมว่าอายุของสภาฯ 4 ปี ตอนนี้รัฐบาล ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯไปแล้ว 2 ปี คืองบฯปี 2567 และงบประมาณ 2568 และกำลังจะพิจารณางบประมาณ 2569 และจะพิจารณางบประมาณ ปี 2570 ตามวาระของสภาฯ ดังนั้นถือว่าตอนนี้ไม่มีสถานการณ์อะไรที่จะทำให้อายุของรัฐบาลหรืออายุของสภาฯ จะไปไม่ถึง 4ปี

- มีการตั้งข้อสังเกตว่าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 อาจจะเป็นช่วงที่เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง ตามมา ยิ่งเมื่อมีการนำไปเชื่อมโยงกับ คดีของคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่จะมีขึ้นในช่วงใกล้ๆกัน

ยังมั่นใจว่า อายุรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมในปี 2570 แน่นอน ส่วนการพิจารณางบประมาณ 2569 เชื่อว่าไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้งบไม่ผ่านสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้นจะสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสุญญากาศ  การพิจารณางบประมาณในแต่ละปี ต้องบอกว่า สภาฯไม่ใช่ว่าจะไปพิจารณากันเอาตามใจชอบ กระบวนการจัดทำงบประมาณ จะเริ่มต้นตั้งแต่หน่วยรับงบประมาณ จะจัดทำคำของบประมาณมา แต่ตัวเลขที่ครม. จะพิจารณา ปรับลดร่วมกับสำนักงบประมาณ  สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะไม่ใช่ทะลุไปตามคำขอ

ถามว่างบประมาณดังกล่าวนั้นจะเป็นงบประจำ และงบต่างๆที่เป็นระเบียบปฏิบัติ ส่วนงบในการลงทุนพัฒนาแต่ละปี ดังนั้นจึงต้องบอกว่าไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้งบประมาณไม่ผ่านสภาฯ แต่ทุกฝ่าย ต้องร่วมกันตรวจสอบ ในการบริหารจัดการ  ซึ่งเมื่องบประมาณผ่านจากรัฐบาลมาแล้ว จากนั้นส่งไปที่สภาฯซึ่งสภาฯมีหน้าที่พิจารณา ในการปรับลดงบประมาณส่วนอื่น

ซึ่งสภาฯชุดนี้ มีประสบการณ์แล้ว จากปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเข้ามาต่อจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา แต่เราก็สามารถผ่านมาได้ ปี 2568 ก็ไม่มีปัญหา สภาฯก็มีองค์ความรู้ รัฐบาล หรือแม้แต่กรรมาธิการฯเองก็มีความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นระเบียบวิธีการบริหารจัดการงบประมาณ

ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลว่า สถานการณ์ที่วิพากษ์วิจารณ์กันไปจากคนบางกลุ่ม จะทำให้งบฯไม่ผ่านสภาฯ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคหรือแม้แต่พรรคฝ่ายค้าน ต้องตอบคำถามกับสังคมว่าใครที่มีส่วนทำให้งบประมาณไม่ผ่านสภาฯ เพราะจะเกิดปัญหาต่อประเทศ

-การปรับครม.หากมีขึ้นจริง จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้รัฐบาลได้หรือไม่ และจะนำไปสู่ความขัดแย้งกับพรรคร่วมรัฐบาลตามมาหรือไม่

การปรับครม.เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทุกรัฐบาลก็ปรับครม. สำหรับรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้การนำของนายกฯแพทองธาร เป็นรัฐบาลผสม มีเสียงข้างมาก เกินจากพรรคฝ่ายค้าน และเกินจากเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ค่อนข้างมาก ดังนั้นนายกฯ จึงถือว่ามีอำนาจเต็ม ในการปรับครม.

หากจะเปรียบการปรับครม. ก็คงเป็นเหมือนกีฬาฟุตบอล นายกฯคือผู้จัดการทีม และยังเป็นทั้งกัปตันทีม ที่นำทีมลงไปเล่นในสนาม แฟนบอลอาจจะรู้สึกว่าควรเปลี่ยนตัวได้แล้ว ผู้เล่นหรือบางตำแหน่งอาจจะต้องเปลี่ยนตัวหรือถอดออกมาพักบ้าง แล้วส่งผู้เล่นที่มีความสด มีความสร้างสรรค์ลงไปในเกมแทน ซึ่งเสียงเชียร์เหล่านั้น เชื่อว่าคนที่เป็นกัปตันและผู้จัดการทีม ได้ยินอยู่แล้ว และสะท้อนผ่านโพลสำนักต่างๆ ที่ชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ควร ปรับครม.ได้แล้ว แต่คนที่เป็นโค้ช หรือกัปตันทีม ก็จะอยู่ในสนามและเข้าใจสถานการณ์ว่า ผู้เล่นในทีมคนใด ที่ควรจะปรับเปลี่ยนตัวออกมา หรือผู้เล่นคนใด ควรจะเล่นตำแหน่งเดิม และเสริมแทคติคเข้าไปเพื่อให้เล่นได้ดีขึ้น

ผมเชื่อว่า จะช้าหรือเร็ว การปรับครม.ไม่ใช่เรื่องเสียหาย สามารถปรับได้ เพียงแต่จะปรับเมื่อไหร่ วัน ว. เวลา น. หรือจะปรับเล็ก ปรับใหญ่ ก็ถือเป็นอำนาจสิทธิขาดของนายกฯ แต่เชื่อว่าเสียงที่สะท้อนผ่านโพล ผู้นำรัฐบาล ท่านยินดีรับฟังอยู่แล้ว

ส่วนปรับครม.นั้นโดยหลักการที่ดีนั้น ไม่ควรเกิดแรงกระเพื่อม หมายความว่า เมื่อปรับแล้วไปเกิดความขัดแย้ง หรือปรับแล้วส่งผลกระทบในลักษณะที่ว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว แต่เชื่อว่าท่านนายกฯมีความรู้ ความเข้าใจในทีมของท่าน ดังนั้นไม่ว่าจะปรับเล็ก ปรับใหญ่หรือปรับเมื่อไหร่ ก็จะไม่เกิดปัญหาอย่างแน่นอน

การปรับครม. ก็ไม่ใช่การส่งสัญญาณว่ารัฐบาลมีปัญหาแต่อย่างใด ถ้าเราดูฟุตบอลจะเห็นได้ว่า ครึ่งแรก -ครึ่งหลัง ใช้ผู้เล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ มีการเปลี่ยนเอาตัวสำคัญออก  โค้ชอาจจะบอกแท็กติกว่าในครึ่งแรก มีเท่าไหร่ใส่ให้หมดเลย  เดี๋ยวพอครึ่งหลังให้เปลี่ยนตัวใหม่ลงไป ครม.ก็เช่นเดียวกัน ท่านนายกฯก็อาจจะบอกว่า ให้ทำงานให้เต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาจะต้องปรับ หรือต้องพัก ผู้เล่นก็จะต้องเข้าใจต่อแท็กติก และเชื่อว่า คนเป็นรัฐมนตรีนั้นน้อมรับ  ซึ่งมีรัฐมนตรีหลายท่านเองก็ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะให้นายกฯปรับครม.

เช่นเดียวกัน สำหรับนักฟุตบอล เมื่อโค้ช เปลี่ยนตัวเอาออก นักเตะบางคนอาจจะไม่พอใจโค้ช เดินออกมาข้างสนาม ก็โดนแบน ต่อไปโค้ชก็ไม่ส่งลงสนามอีก เพราะฉะนั้น วันนี้รัฐบาลผสม ซึ่งเป็นรัฐบาลดรีมทีม ไม่มีปัญหาในการปรับครม. ทั้งมิติของเสียงพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีจำนวนมาก ทั้งมิติของเสถียรภาพ  ทั้งมิติของความสามารถในการบริหารจัดการ จึงเชื่อว่าการปรับครม.จึงจะไม่เกิดแรงกระเพื่อม และการปรับครม. ก็ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลไปต่อได้ยาก เพียงแต่ปรับเพื่อให้แท็กติก มันได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบ

ถ้าการเมืองมีครึ่งแรก ครึ่งหลัง วันนี้วาระของสภาฯ 4 ปีได้ผ่านไปแล้ว 2 ปีคือครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังรออีก 2 ปี ซึ่งการปรับครม. ในช่วงครึ่งหลังของรัฐบาล จากนี้ต้องเจอกับการไปผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 และไปถึงการผ่านพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2570 จากนั้นจะไปเข้าสู่โหมดปลายปี 2569 ไปจนถึงต้นปี 2570 จะปรับไปสู่โหมดของการสื่อสารนโยบาย การเรียบเรียง รวบรวมประมวลผลว่ารัฐบาลนี้ทำอะไรบ้าง โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกไปแล้วเฟสแรก คือกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มอาวุโส อายุเกิน 60 ปี แจกเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ  ส่วนกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มวัยรุ่น  - วัยทำงานตอนต้น ก็จะปรับเข้ามาเพื่อรับเงินจากดิจิทัลวอลเล็ต และกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มไทยแลนด์

อยากจะเรียนว่าสถานการณ์ของการทำงานหรือแทคติกแต่ละช่วงแตกต่างกัน ดังนั้นการปรับครม.จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย

-พรรคเพื่อไทยกับความเชื่อมโยง คุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายกฯแพทองธาร หากคดีความของทักษิณ ออกมาในทางลบ จะกระทบต่อพรรคและนายกฯไปด้วยหรือไม่

คิดว่าการที่คุณทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยมานั้น ผมเองยังมองไม่เห็นมิติด้านลบเลย  แต่กลับเห็นมิติเชิงสร้างสรรค์ หรือมิติ เชิงบวกมากกว่า  หากมองย้อนกลับไป อดีตนายกฯของประเทศไทยทุกคน ถ้ามาจัดลำดับกัน ผมคงไม่ต้องบอกว่าท่านทักษิณเป็นอดีตนายกฯ ที่มีผลงานการผลักดันนโยบายที่เป็นมรรคเป็นผล และมีผลสัมฤทธิ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น30 บาทรักษาทุกโรค ,กองทุนหมู่บ้าน ,โอท็อป, การพักชำระหนี้เกษตรกร

เป็นผู้นำที่มีภาพฉายโมเดลของความสำเร็จ และเมื่อท่านกลับมาแล้ว ต้องบอกว่าประสบการณ์นั้นเป็นสิ่งที่ทุกประเทศต้องการ ผู้นำในประเทศอาเซียน มีใครบ้างที่ไม่อ้าแขนรับท่านทักษิณ หรือไม่ชื่นชมต่อการกลับมา ไม่ว่าจะเป็นอันวาร์ นายกฯมาเลเซีย ตั้งท่านทักษิณ เป็นที่ปรึกษา ส่วนอินโดนีเซีย ไม่นับรวมกัมพูชาที่ตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว  ท่านเป็นอดีตผู้นำที่มีเครือข่ายผู้นำระดับโลก ดังนั้นท่านจึงจะนำประสบการณ์ในภาคของความสำเร็จจากอดีตมาประมวลใช้กับสถานการณ์ทางการเมือง ภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย และนายกฯแพทองธาร ได้อย่างเหมาะสม ลงตัว

ส่วนเรื่องคดีต่างๆผมคิดว่าวันนี้สังคมเองต้องระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์  บางเรื่องอยู่ในกระบวนการของพิจารณาคดี ตามกระบวนการยุติธรรม เราขอไม่ไปก้าวล่วง แต่คดีต่างๆที่เกิดขึ้น เราก็ต้องยอมรับว่าผลจากคำวินิจฉัยที่ออกมา ทำให้เห็นได้ว่าไม่ได้เป็นปัญหาหรืออุปสรรคใดๆต่อท่านทักษิณ  ในทางกลับกันท่านจะเดินทางในมิติของผู้มีประสบการณ์  จะให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ในฐานะกูรูผู้รู้  ท่านก็ทำได้อย่างเต็มที่  ในส่วนเรื่องคดีความของท่าน การที่จะได้รับผลกระทบอย่างไรท่านก็จะต้องเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนเรื่องคดีของท่านไป  ตามกระบวนการในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา

ท่านทักษิณ จะมีผลของการสู้คดี ก็ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือเป็นพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง ซึ่งท่านไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค หากพูดในศัพท์ทางการเมืองนี่คือการแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง คือการทำอย่างไรที่เราจะนำจุดแข็ง จุดดี จุดเด่น ของท่านทักษิณ ที่มีประสบการณ์มาปรับใช้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของรัฐบาลเท่านั้น หรือสภาฯ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

ดังนั้นจึงขอตอบคำถามว่า ได้รับผลกระทบเชิงบวก ส่วนพรรคเพื่อไทย จะใช้ประสบการณ์ของท่านอย่างไรนั้น ผมคิดว่าผลงานในอดีตที่เคยเกิดขึ้นและสำเร็จ วันนี้กำลังมาขับเคลื่อนนโยบายในปัจจุบัน เพื่อให้รัฐบาลนี้มีผลงานที่พิสูจน์และจับต้องได้

-วันนี้จะให้ความมั่นใจได้หรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทยและพี่น้องคนเสื้อแดง จะเป็นกำลังหลัก และเป็นฐานสำคัญทางการเมืองให้กับนายกฯแพทองธาร ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เราประเมินตัวเองอยู่แล้ว และขณะเดียวกัน เรายังรับฟังเสียงวิเคราะห์ จากภายนอกพรรคเพื่อไทยด้วย หรือแม้แต่จากกลุ่มการเมืองที่มีความเห็นหรือทัศนคติ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นขอยกสถานการณ์ทางการเมืองมาตอบเรื่องนี้ ว่าคะแนนของพรรคเพื่อไทยที่พี่น้องประชาชนเคยให้ความไว้วางใจ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย -พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย เท่าเดิม มากขึ้นหรือน้อยลง ขอสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้งที่เห็นได้ชัด หลังจากที่พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวเรื่องการมาจับมือข้ามขั้วตั้งรัฐบาลในอดีต หรือการเป็นพรรคเพื่อไทยที่ไม่ตรงปก

ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยไปสู้การเลือกตั้งซ่อมสส.เขต 1 จ.พิษณุโลก โดยวัดกันหมัดต่อหมัดกับพรรคประชาชน ผลคะแนนที่พิษณุโลกออกมาก็ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งซ่อม คะแนนห่างกันชัดเจน หลังจากศึกนั้น ก็มีศึกนายกอบจ. มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งผลที่ออกมา เราก็เห็นว่าสื่อหลายสำนักชี้ว่าพรรคเพื่อไทย ประสบผลสำเร็จมากที่สุด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พรรคเพิ่งส่งผู้สมัครนายกอบจ.เป็นครั้งแรก แต่เราก็สามารถได้ที่นั่งนายกอบจ.มากที่สุดในประเทศไทย

แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าการเลือกตั้งในปี 2570 จะเป็นเช่นนั้น เรายังคงต้องทำงานการเมืองที่หนักต่อไป รัฐบาลเองก็ต้องเร่งรัดผลักดันขับเคลื่อนนโยบาย สส.ในสภาฯก็ต้องพิสูจน์ผลงานและฝีมือ ความจริงใจ ตามสโลแกนของพรรคที่ว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน

นโยบายสำคัญที่การลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายโอกาส ซึ่งรัฐบาลมีเวลาทำอีก 2ปี ตอนนี้เราผ่านมาครึ่งาทางแล้ว อีกครึ่งทางที่เหลือ โครงการใดที่ยังไม่เกิดผลสัมฤทธิ์หรือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า รัฐบาล ก็ต้องแก้ไขหมด เช่นการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การปราบปรามยาเสพติด การแก้หนี้ให้ประชาชน

วันนี้สำเร็จมากหรือน้อย พี่น้องประชาชน ประเมินได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้เราน้อมรับ หลายเรื่องในด้านของความตั้งใจ อย่างเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เรามีความตั้งใจ จะทำในคราวเดียว แจกเงินให้กับคนอายุ 16ปีทั่วประเทศแต่ด้วยข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ จากองค์กรตรวจสอบที่บอกว่าควรแบ่งจ่ายเป็นเฟส  รัฐบาลก็ดำเนินการตามนั้น ซึ่งผ่านไปแล้ว 2 เฟส และเมื่อครบทั้ง 3 เฟสแล้วก็จะเห็นภาพจิ๊กซอว์ ว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย มีอะไรที่ทำสำเร็จ มีอะไรที่ทะลุเกินเป้า หรือมีอะไรที่ต้องผลักดันกันต่อไป

ผมเชื่อว่าเมื่อครบ 4 ปี ประชาชนจะเห็นภาพ ส่วนวันนี้จะบอกว่าคนเสื้อแดงยังอยู่กับเราเท่าเดิมหรือน้อยลง หรือเพิ่มขึ้น แต่ยอมรับว่าพี่น้องที่เป็นคนเสื้อแดง ที่เป็นแฟนคลับเหนียวแน่นกับพรรคเพื่อไทยยังสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ แต่วันนี้ เราไม่ได้เน้นเฉพาะพี่น้องคนเสื้อแดง แต่นายกฯแพทองธาร เป็นนายกฯของคนไทยทุกคน  ทุกกลุ่ม

ดังนั้นเราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง เพื่อนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตต่อไป และเชื่อว่าในการเลือกตั้งปี 2570 เราจะได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน มากขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม