องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ปทุมธานี เดินหน้าโครงการจัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 320,000 โดส มอบให้กับประชาชนชาวปทุมธานีฟรี โดยพลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี พร้อมด้วย นายนพพร ขาวขำ รองนายก อบจ.ปทุมธานี นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รก.นายแพทย์ เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ส.อบจ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เข้าร่วมประชุมหารือการจัดการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้ ทาง นายสมคิด จันทมฤก ผวจ.ปทุมธานี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานีวาระเร่งด่วน ได้ติดตามสถานการณ์โรคติดต่อสำคัญในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่
ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดปทุมธานี ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการเฝ้าระวังป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาดมาอย่างต่อเนื่อง ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และที่ผ่านมา ยังพบการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดต่ออื่นๆ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ซึ่งจะต้องร่วมกันวางแผนการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่เป็นปัญหาของพื้นที่ต่อไปอัตราป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ในจังหวัดถือว่าสูง จึงต้องมีการประชุมเพื่อหาทางรับมือ และป้องกัน โดย ขอให้ทาง อบจ.ปทุมธานี ช่วยเหลือในการจัดหาวัคซีนจำนวน 320,000 โดส และทาง สปสช. จะจัดเตรียมเอาไว้ให้อีก 100,000 โดส แต่จะทยอยมาเป็นล๊อตๆ ซึ่งจะครอบคลุม กลุ่มเป้าหมาย 80% จากประชากรกลุ่มเป้าหมายกว่า 550,000 คน
โดย พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตอนนี้มีมติที่ประชุม คณะกรรมการโรคติดต่อ มีมติ ให้ อบจ.ปทุมธานี จัดซื้อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ประมาณ 320,000 โดส และจะต้องป้องกันได้ไม่ต่ำกว่า 3 สายพันธุ์ ดังนั้นเราจะต้องเร่งให้เร็วที่สุด และต้องดีที่สุด จึงมองว่า เราควรจะฉีดให้พี่น้องชาวปทุมธานีโดยไว เพราะหากปล่อยให้เข้าหน้าฝนไปแล้วจะเกิดอันตรายมากกว่านี้ได้ ส่วนโรคไข้เลือดออก ทางที่ประชุมก็มีมติให้ทาง อบจ.ปทุมธานี และ อปท.ดำเนินการ จัดเตรียมสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นต่อการป้องกัน
ด้าน นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รก.นายแพทย์ เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยว่า ขั้นตอนการฉีดวัคซีน เราจะแบ่งเป็นกลุ่มประชากร เพราะวัคซีนจะทยอยมาเป็นล๊อตๆ เราต้องมีการจัดการ และแบ่งออกว่าเราจะฉีดกลุ่มใหนก่อน หลัง ตามความเหมาะสม ตามหลักวิชาการ โดยเราจะฉีดบุคลากรทางการแพทย์ อสม ก่อนซึ่งเป็นด่านหน้า ถัดไปก็จะเป็น กลุ่มเสี่ยง และ กลุ่มที่ทาง สปสช. กำหนดไว้ ซึ่ง สปสช. ได้ให้วัคซีนมาประมาณ 60,000 คน เราเข้าใจเพราะต้องแจกจ่ายให้กับคนทั้งประเทศ แต่เราได้ทาง อบจ.สนับสนุนวัคซีน เติมเข้ามาอีก ทำให้เรา สามารถฉีดกลุ่มเสี่ยงได้ครบถ้วน ประกอบกับจังหวัดปทุมธานี ถือเป็นจังหวัดที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ จังหวัดแรกๆ ของประเทศ ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงที่จะกระจายการระบาดคือกลุ่มเด็ก และ เยาวชน เราจึงขยับอายุเพิ่มเติมจากที่ สปสช. ให้มา 6 เดือน ถึง 2 ขวบ เราก็ขยับเป็น 2 ขวบ ถึง 24 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่อยู่ในระดับ อนุบาล ประถมศึกษา มัธยม และ มหาวิทยาลัย ซึ่งจะต้องมีกิจกรรมรวมกลุ่มกันในทุกๆ วัน ถือว่าเป็นกลุ่มที่กระจายตัวของไข้หวัดใหญ่ที่ดีมาก
ด้าน นายนพพร ขาวขำ รองนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เราได้มีการประชุมใหญ่ทั้งจังหวัด เราก็ได้เชิญ ท่าน สจ.และผู้ที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมทั้งหมด แต่ว่า ก็น่าเสียใจที่ ท่าน สจ.บางคนไม่ให้ความสำคัญ ไม่ได้สนใจ เพราะตรงนี้มันจะลงถึงประชาชนโดยตรง ถ้าไม่รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง แล้วจะไปอธิบายกับประชาชนได้ถูกต้องอย่างไร ถือว่าเสียโอกาสอย่างมาก เพราะว่าทางคุณหมอ และ รพ.สต.ทั่วทั้งจังหวัดได้มาประชุมแล้ว ท่านสามารถขอคำอธิบายได้ จะได้ บอกแนวทางที่ถูกต้องกับ ประชาชน เขาจะได้มาฉีดกัน แต่ สจ.บางพื้นที่ไม่มาเลย และประชาชนก็ไม่รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ผมขอฝากอย่าเอาชีวิตของประชาชน มาเล่นเป็นเรื่องสนุกกัน ขอฝากด้วยครับ ซึ่งในเขตที่ สจ. ไม่มาประชุมตนเองก็เป็นคนดูแลประชาชนเอง
จากข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 25 กุมภาพันธ์ 2568 มีอัตราการป่วยด้วยโรคใช้หวัดใหญ่สูงเป็นอันดับที่ 2 ของเขตสุขภาพที่ 4 โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ 5-9 ปี รองลงมาคือ 0-4 ปี และ 10-14 ปี ซึ่งสูงกว่าค่ามัธยฐานของ 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย ลดความรุนแรงของโรค และลดภาระของระบบสาธารณสุข
พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของ อบจ.ปทุมธานี ในการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน เราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันโรค ซึ่งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากกว่าการรักษา การจัดหาวัคซีนใช้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ จำนวนมาก เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงฟรี จึงเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของชาวปทุมธานี และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.ปทุมธานี ในการเป็นผู้นำด้านการสาธารณสุขระดับท้องถิ่น
นายแพทย์ อภิชน จีนเสวก รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ได้อธิบายถึงคุณสมบัติของวัคชีนที่ใช้ในโครงการนี้ว่า วัคชีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ที่เราเลือกใช้ เป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา และมีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์หลัก ซึ่งครอบคลุมสายพันธุ์ที่คาดว่าจะระบาดในปีนี้การฉีดวัคชีนจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของอาการหากติดเชื้อ
การดำเนินโครงการนี้ ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทราชินี ในสังกัดอบจ.ปทุมธานี จำนวน 24 แห่งรวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลเครือข่ายทั้ง 7 อำเภอ และหน่วยบริการสาธารณสุขในจังหวัดปทุมธานี เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการฉีดวัคชีนได้อย่างสะดวกและทั่วถึง โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดี คอยให้บริการและให้คำแนะนำแก่แก่ประชาชนนอกจากการจัดเตรียมวัคชีนและสถานที่ฉีดแล้ว อบจ.ปทุมธานียังได้จัดทำแผนการประชาสัมพันธ์อย่างครอบคลุม
โดยได้มีการปล่อยขบวนรถประชาสัมพันธ์ออกไปประชาสัมพันธ์ โครงการบริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ แก่ประชาชนในจังหวัดปทุมธานีให้ได้รับรู้และรับทราบถึงข้อมูลโครงการที่จัดขึ้นในครั้งนี้ โดยสามารถเข้าร่วมรับบริการฉีดวัดวัคชีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ฟรี! ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เป็นต้นมา ที่อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัปทุมธานี (ข้างแพขาว) และตั้งแต่วันที่ 3 เป็นต้นมา สามารถเข้ารับบริการได้ทุกหน่วยบริการในพื้นที่ของท่าน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-975-8940 ถึง 8 ต่อ 126
โครงการฉีดวัคชีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ อบจ.ปทุมธานี ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ในอนาคต อบจ.ปทุมธานี จะยังคงเดินหน้าพัฒนาบริการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง