ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย
ความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ปะทุขึ้นหลังจากที่นักท่องเที่ยว 26 คน ถูกมือปืนยิงเสียชีวิตและบาดเจ็บร่วมร้อยระหว่างพักชมทิวทัศน์บนเทือกเขาที่เมืองพาฮาลแกม ในแคว้นแคชเมียร์ เมื่อวันที่ 22 เมษายน และอินเดียกล่าวหาว่าปากีสถาน มีส่วนสนับสนุนผู้ก่อเหตุ ในขณะที่ปากีสถานปฏิเสธ
อย่างไรก็ตามพื้นที่แคชเมียร์นี้ เป็นจุดละเอียดอ่อนที่เป็นมูลเหตุหนึ่งของความขัดแย้งระหว่าง อินเดีย-ปากีสถาน นอกเหนือจากความขัดแย้งในปมอื่นๆ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาด้วยกันทั้งคู่
ทั้งนี้ความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน เป็นหนึ่งในความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยาวนาน และซับซ้อนที่สุด ในโลกปัจจุบัน โดยมีรากฐานมาจากการแบ่งแยกอนุทวีป หรือชมพูทวีปในปีค.ศ.1947 โดยความขัดแย้งนี้มีหลายมิติทั้งด้านการเมือง ศาสนา ประวัติศาสตร์ และภูมิรัฐศาสตร์
รากฐานทางประวัติศาสตร์ การแบ่งแยกอนุทวีปนี้ในปี 1947 เป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง เมื่อการปกครอง ของอังกฤษสิ้นสุดลง โดยดินแดนถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ ตามเส้นแบ่งทางศาสนา
อินเดีย : ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู
ปากีสถาน : ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม
การแบ่งแยกนี้นำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่และความรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนนับล้าน ซึ่งสร้างบาดแผลทางประวัติศาสตร์ที่ส่งผลถึงปัจจุบัน
ประเด็นหลักของความขัดแย้ง
1.ด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาหลัก คือ ความขัดแย้งเรื่องแคว้นแคชเมียร์ ที่ประชากรกว่า 90% นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนผู้ปกครองเป็นฮินดู แต่อินเดียกลับได้สิทธิในการปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่จากอังกฤษ โดยปากีสถานได้ควบคุมพื้นที่ประมาณ 1/3 ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และมีเส้นแบ่งการควบคุมที่เป็นพื้นที่พิพาท
2.ความขัดแย้งทางทหาร อันมีมูลฐานมาจากศาสนาทำให้ทั้งสองประเทศทำสงครามกันอย่าง เป็นทางการถึง 4 ครั้ง ได้แก่
-สงครามแคชเมียร์ครั้งที่ 1 (1947-1948)
-สงคราม 1965
-สงคราม 1971 (นำไปสู่การแยกตัวของปากีสถานตะวันออก กลายเป็นประเทศบังคลาเทศ
-สงครามคาร์กิล (1999)
นอกจากนี้ยังมีการปะทะกันเล็กน้อยตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง
3.การก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธ อินเดียกล่าวหาปากีสถานว่าให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในแคชเมียร์ และส่วนอื่นๆของอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหตุการณ์โจมตีรัฐสภาอินเดียในปีค.ศ.2001 และการโจมตีที่มุมไบในปี 2008
4.อาวุธนิวเคลียร์ ทั้งสองประเทศเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงและความซับซ้อนให้แก่ความขัดแย้ง
-อินเดียทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 1974
-ปากีสถานตอบโต้ด้วยการทดสอบนิวเคลียร์ในปี 1998
ปัจจัยที่ซับซ้อนเพิ่มเติม
1.ความขัดแย้งทางศาสนาที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลนายโมดี มีนโยบายที่สุดโต่งด้านศาสนา จึงทำให้ชาวฮินดูก่อความรุนแรง ต่อชาวมุสลิมที่อยู่ในอินเดียที่มีประมาณ 200 ล้านคน ในพื้นที่ต่างๆ เช่นการทวงสิทธิในการยึดครองมัสยิดและนำมาเปลี่ยนเป็นโบสถ์ฮินดู การเข่นฆ่ากีดกันทางเศรษฐกิจ และการเมืองโดยเฉพาะการลอบสังหารนักการเมืองมุสลิมอย่างต่อเนื่อง
2.ความสัมพันธ์กับมหาอำนาจ เดิมทีอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียต (รัสเซีย) และปากีสถานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ แต่ต่อมาเกิดการเปลี่ยนขั้ว นั่น คือ อินเดียหันมามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ในขณะที่ปากีสถานหันไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน ซึ่งทั้งจีนกับสหรัฐฯ ต่างก็กำลังมีความขัดแย้งกัน ในขณะที่อินเดียกับจีนก็มีกรณีพิพาทเรื่องแนวเส้นเขตแดน
3.ปัญหาน้ำและทรัพยากร ในเรื่องน้ำมีการตกลงแบ่งปันน้ำในลุ่มแม่น้ำสินธุและสาขาโดยลงนามในปี 1960 แต่ก็ยังมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้น้ำ และในกรณีความขัดแย้งล่าสุดอินเดียขู่ตัดน้ำที่จะปันให้ปากีสถาน
ส่วนเรื่องแร่นั้น ตามแนวชายแดนทางเหนือของปากีสถานติดอินเดียมีพื้นที่ของแหล่งแร่ โดยเฉพาะแร่หายากตามชายขอบ
อย่างไรก็ตามอินเดียได้ทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นด้วยการยกเลิกฐานะพิเศษของแคชเมียร์ ในปี 2019 ที่จะให้รัฐบาลกลางไปควบคุมแคชเมียร์แทนรัฐบาลท้องถิ่นในหลายกรณีและต่อมาก็เกิดการปะทะกันที่พุลลามา
มุมมองต่ออนาคต เป็นความท้าทายที่สำคัญเพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ และต่างก็มีมหาอำนาจที่ขัดแย้งกันเป็นพันธมิตรคนละฝ่ายกับคู่ขัดแย้ง
ถ้าหากจะให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันก็มีแต่มหาอำนาจอย่างรัสเซียที่จับมือกับจีน และมีความสัมพันธ์เก่าแก่กับอินเดีย ที่น่าจะเป็นตัวกลางในการก่อให้เกิดการเจรจา และเท่าที่ทราบเวลานี้รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นายราฟรอฟ กำลังพยายามเป็นกาวใจอยู่ แต่ยังไม่ทราบผลคืบหน้า ในขณะที่การโจมตี ซึ่งกันและกันด้วยปืนใหญ่ยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ต่อมาอินเดียก็ใช้ขีปนาวุธโจมตีเข้าไปในดินแดนปากีสถาน 9 จุด และอ้างว่าเป็นฐานผู้ก่อการร้าย ขณะที่ปากีสถานกล่าวว่าเป็นการโจมตีพลเรือน และจะตอบโต้ ส่วนสงครามทางอากาศก็มีการปะทะกันและทั้ง 2 ฝ่ายต่าง ก็อ้างว่ายิงเครื่องบินของอีกฝ่ายตก
ความคืบหน้าอย่างไรต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ขออย่าให้มีการตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์เลย เพราะมันจะเดือดร้อนไปทั่วด้วยกัมมันตภาพรังสีและก็อยู่ไม่ห่างประเทศไทยนัก