วันที่ 8 พ.ค.2568 ที่รัฐสภา สว.พันธุ์ใหม่ นำโดยน.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. แถลงถึงกรณีการของบประมาณปรับปรุงรัฐสภาว่า เป็นงบประมาณที่ฟุ้งเฟ้อเกินความจำเป็น ไม่สมเหตุสมผลและมีแนวโน้มที่จะส่อไปในเชิงความไม่โปร่งใส เราจึงต้องออกมาสื่อสารกับประชาชนว่างบประมาณที่มีการขอเข้ามาไม่สมเหตุสมผล ไม่ได้ยึดโยงกับหลักการที่ควรจะเป็น งบประมาณจัดสร้างรัฐสภา จำนวน 120 ไร่ พื้นที่ 420,000 ตารางเมตร ใช้งานมาแล้ว 4 ปี แต่ชำรุดสุดโทรมเป็นอย่างมาก ในฐานะที่พวกเราเป็น สว.เวลาประชุมก็เจอน้ำรั่ว ทั้งน้ำฝน น้ำแอร์ ฝ้าเพดานถล่ม ซึ่งเราเห็นความรั่วชำรุดแต่ไม่มีงบในการจัดการ พวกเราหาห้องประชุมไม่เจอแม้จะทำงานมา 10 เดือน รัฐสภานี้เป็นรัฐสภาพิศวงต้องเชื่อมจิตไปยังห้องต่างๆเอง ไม่สามารถหาห้องได้จากป้าย และยังไม่มีแนวโน้มที่จะของบมาทำป้าย แต่งบที่ขอมาเป็นงบที่สิ้นเปลืองโดยสิ้นเชิง
น.ส.นันทนา กล่าวว่า สำหรับงบประมาณซ่อมแซมสภาฯที่จะถูกพิจารณาในงบปี 69 มี 10 โครงการ มูลค่า 956 ล้านบาท ส่วนอีก 5 โครงการเป็นงบหมกเม็ด แม้ยังไม่อนุมัติแต่ก็มีการดำเนินการไปแล้ว โดยงบประมาณ 10 โครงการที่จะมีการพิจารณา อาทิ โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์รัฐสภาง ทั้งที่ไม่เคยใช้เลย เขาเรียกว่า “ป่าช้า” เพราะไม่มีอะไรจัดแสดงให้เห็นว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกระบวนการนิติบัญญัติ โครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4D แบบ IMAX ดินน้ำลมไฟต้องมา จำนวน 180 ล้านบาท เอามาทำอะไร เราเป็นรัฐสภาไม่ต้องการลมฝนพายุ โครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างห้องสัมมนา 117 ล้านบาท โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว ซึ่งไม่เคยมีใครใช้เหมาะแก่การตากปลาหมอคางดำ เสนอติดแอร์มา 123 ล้านบาท อาจทำให้ค่าไฟของรัฐสภาพุ่งเป็น 30 ล้านบาท จากเดิม 12 ล้านบาทต่อเดือน“น.ส.นันทนากล่าว
“โครงการติดตั้งภาพและเสียงห้องจัดเลี้ยง 99 ล้านบาท โครงการจัดซื้อจอ LED 72ล้านบาท โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ 43 ล้านบาท โครงการปรับปรุงห้องจัดเลี้ยงอีก 43 ล้านบาท ปัจจุบันน้ำยังรั่ว ฝ้ายังถล่ม รายังขึ้นตามเสา ดิฉันมีคำถามว่าผู้รับเหมาเดิมไม่รับผิดชอบหรือไม่ ปกติการสร้างอาคารหรือบ้านจะใช้เวลารับประกันน้อยที่สุด 10 ปี แต่นี่อาคาร 2 หมื่นกว่าล้านบาท ทำไมไม่เรียกผู้รับเหมาเดิมมาซ่อมหรือปรับปรุง
ส่วนอีก 5 โครงการที่หมกเม็ด เป็นโครงการสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม ปัจจุบันอาคารจอดรถชั้นB1 และB2 จอดรถได้ 1,900 คัน ทั้งที่ข้อบัญญัติของกทม.ระบุว่าอาคารที่สร้างขึ้นหลังปี 2540 จะต้องมีพื้นที่ 120 ตารางเมตรต่อรถ 1 คัน ดังนั้นสภาฯ มีพื้นที่ 420,000 ตารางเมตร จึงต้องมีที่จอดรถ 3,530 คัน ทำผิดระเบียบผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น ทำไมถึงจะสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม จอดได้เพิ่ม4,600 คัน เฉลี่ย 1 ช่องจอด 1 ล้านบาท แพงกว่าตึก สตง.อีก” น.ส.นันทนา กล่าว
น.ส.นันทนา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีโครงการตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯ 133 ล้านบาท ตนไม่เข้าใจว่าเราจะทำจิตรกรรมฝาผนังงดงามระหว่างที่ประชุมเพื่อพิจารณาความเดือดร้อนของประชาชนไปเพื่ออะไร โครงการงบซ่อมแซมเสาไม้สักที่ราขึ้นอีก 31 ล้านบาท เราผิดพลาดตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง มีการรับมอบงานเมื่อเดือนก.ค.67 ไม่ถึง 1 ปีชำรุดทรุดโทรม ช้า มั่ว รั่ว พัง เป็นสิ่งที่เราออกมาปฏิเสธว่าเราไม่สามารถที่จะให้งบประมาณที่ฟุ้งเฟ้อผ่านสภาไปได้
ด้านนายสุนทร พฤษพิพัฒน์ สว.กล่าวเสริมว่า การก่อสร้างอาคารจอดรถเพิ่มเติม 4,600 ช่อง มูลค่า 4,600 ล้านบาท มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 28 ม.ค.68 อนุมัติออกมาแล้ว แต่ตนเห็นว่าไม่สมควรและราคาแพงเกินไป เพราะการก่อสร้างต้องขุดดินลงไปฝั่งถนนสามเสน ขณะนี้มีที่จอดรถ 1,900 คัน สามารถหาวิธีในการแก้ไขเพิ่มเติมได้ดีกว่านี้ ซึ่งก่อนหน้านี้สถาปนิกเคยมีการออกแบบไว้มากถึง 8 แบบ อีกทั้งตนเองเห็นว่ารอบสภาฯ มีพื้นที่เราเป็นพื้นที่ของทหาร สามารถไปขอใช้พื้นที่แล้วเดินข้ามมา หรือไปสร้างที่จอดไว้แล้วมีรถเวียนมารับได้ แต่คำถามที่ตนเองอยากจะทราบคือ ทำไมต้องทำถึง 4,600 คัน สร้างเพิ่มแค่ 1,000 คันก็เพียงพอแล้ว
“ผมยังได้พูดคุยกับหัวหน้าคณะสถาปนิกที่ออกแบบอาคารรัฐสภา โดยมีการยืนยันว่าผู้ว่าจ้าง ระบุที่จอดรถเพียง 2,000 คัน ซึ่งผิดข้อบัญญัติ กทม. ตั้งแต่เริ่ม เพราะความจริงจากพื้นที่อาคาร สภาฯ ควรมี 3,500 คันตามกฎหมาย สำหรับแนวคิดที่จะมีการถมสระมรกตเพื่อสร้างห้องสมุดเพื่อแก้ปัญหายุงนั้น ผมยังได้พูดคุยกับหัวหน้าคณะสถาปนิกที่ออกแบบฯ
ยืนยันว่าสระมรกตออกแบบในลักษณะเดียวกับสระว่ายน้ำ มีการหมุนเวียนของระบบน้ำกรอง อีกทั้งการออกแบบสระนี้ ช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานและเพิ่มความเย็นให้กับอาคาร การสร้างห้องสมุดจะทำให้อาคารร้อนขึ้น ซึ่งผมยินเสียงว่าหากร้อนก็ให้ติดแอร์ ซึ่งผมไม่ได้เห็นด้วย เพราะค่าไฟของสภาฯ ก็สูงถึง 13 ล้านบาทต่อเดือนแล้ว” นายสุนทร กล่าว
ขณะที่ นายพรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว. กล่าวว่า ในรัฐสภาตอนนี้มีปัญหาเร่งด่วนที่ควรจัดสรรงบประมาณโดยด่วน เรื่องที่ตนมองว่าเป็นเรื่องอัปยศที่สุดคือห้องน้ำผู้ชายบริเวณชั้นB1 ที่อยู่ติดกับห้องสัมมนา ที่มีทั้งหมด 5 ห้องไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมด ซึ่งเสียมานานแล้ว ตนได้สอบถามแม่บ้านที่ดูแลพื้นที่ดังกล่าวได้รับคำชี้แจงว่ามีช่างมาซ่อมหลายครั้งแล้ว แต่ปรากฎว่าซ่อมไม่ได้ ในขณะนี้มีการแก้ไขโดยการติดป้ายที่เขียนโดยลายมือว่า “ห้ามเข้าส้วมเป็นอันขาดน้ำไม่มี”
ส่วนห้องประชุมก็ไม่ทราบว่าออกแบบกันอย่างไร เพราะชั้น 2 มีห้อง 203 ถึง 4 ห้อง บางครั้งไปทั้งหมดยังไปไม่ถูกเพราะไม่มีป้ายแจ้งอย่างชัดเจน อีกทั้งเรื่องของโรงอาหารฝั่งสว.ต้องบอกเลยว่ากระจกงอกหง่อยมาก มีที่นั่งไม่ถึง 100 ที่นั่ง ในขณะที่เฉพาะเจ้าหน้าที่ข้าราชการของวุฒิสภาก็มีมากกว่า 100 คนแล้ว ตนอยากตั้งคำถามว่างบทั้งหมดตั้งเพื่อประชาชนหรือเพื่อใคร
เมื่อถามว่ามีความเห็นอย่างไรในเรื่องของการของบให้สว.เรียนภาษาจีน นายพรชัย กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเป็นงบสำหรับปี 2569 ซึ่งมีการจัดงบภาษาจีนสำหรับสว.ติดต่อกันมาแล้ว10ปี ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างสถานทูตจีน และมหาวิทยาลัยหัวเฉียว ในปี 2568ใช้งบประมาณไปเพียง 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่ที่ปีนี้ของบ กว่า 2 ล้านกว่าบาท ตนไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ล่าสุดมีการถอนงบดังกล่าวไปแล้ว