เจ้าพระยาเขียนถึงสถานการณ์ประเทศไทยวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองหรือเศรษฐกิจล้วนมีแนวโน้มน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ไม่ต่างอะไรกับ “พายุใหญ่กำลังจะมา” …*…
ในแง่การเมืองนอกจากมีปัญหาขบเหลี่ยมระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล คือเพื่อไทยและภูมิใจไทยในหลายๆ ประเด็นจนกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลแล้ว อีกเรื่องที่จะส่งผลสะเทือนต่อรัฐบาลแรงไม่แพ้กัน คือ “คดีชั้น 14” ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นตัวละครหลัก ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง …*…
ประเมินกันว่าคดีนี้นับเป็นอีกหนึ่งแรงกระแทกต่อพรรคเพื่อไทย ซ้ำเติมแรงเสียดทานจากฐานเสียงเดิมของตนเอง ที่มองว่าพรรคมีท่าที “อ่อนข้อ” ให้กับกลุ่มอำนาจเก่า และร่วมมือกับพรรคที่เคยต่อต้านกันมาก่อน …*…
หากผลคดีออกมาในลักษณะที่นายทักษิณ “หลุดพ้น” หรือได้รับการยกเว้นโทษอย่างเบาบาง อาจยิ่งตอกย้ำข้อครหาเรื่อง “ดีลใต้โต๊ะ” หรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง ที่จะส่งผลร้ายแรงต่อความนิยมในระยะยาว และอาจทำให้พรรคเสี่ยงต่อการแตกออกหรือเกิดการเรียกร้องให้เปลี่ยนผู้นำพรรคในอนาคต …*…
นั่นจึงทำให้ถึงขนาดมีการมองกันว่าคดีชั้น 14 ดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็น “จุดหักเห”สำคัญของการเมืองไทยในปี 2568 ที่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอำนาจในประเทศ ถ้าผู้มีอำนาจสามารถใช้โอกาสนี้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ประเทศไทยอาจก้าวข้ามวังวนความขัดแย้งเดิมได้ …*…
ทว่า หากผลออกมาในทางกลับกัน คดีนี้อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ ที่นำไปสู่การลุกฮือ การเลือกตั้งล่วงหน้า หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจอย่างพลิกผัน …*…
ที่สำคัญ ผลการพิจารณาคดีนี้ยังขยายวงไปถึงระดับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชน การเมือง และหลักธรรมาภิบาล ประเทศตะวันตกบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือสหภาพยุโรป อาจแสดงจุดยืนหากมองว่าเกิดการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม หรือหากมีความรุนแรงจากม็อบที่ลุกลามจากประเด็นคดีนี้ จนอาจนำไปสู่แรงกดดันผ่านมาตรการทางการทูต หรือแม้กระทั่งการทบทวนข้อตกลงบางอย่าง เช่น ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าหรือความมั่นคง …*…