21 ม.ค.62 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป)ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป6)/รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3/ผอ.ศป.ปส.ทภ.3, นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส.,พล.อ.ธีรวัฒน์ บุญยะวัฒน์ เสธ.ทบ./เลขาฯกอ.รมน.,พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.,นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย,พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รอง แม่ทัพ ภาคที่ 3 , พล.ต.วิชิต วงค์สังข์ ผบ.กกล.ผาเมือง พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจ านงค์ ผบก.ปส.2 / โฆษก บช.ปส., พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 ,พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ ผบก.สกส.บช.ปส., พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส. พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผบก.ประจ า บช.ปส., พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง , พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะค า แม่ทัพภาคที่ 3, นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ปป.4
ร่วมกันอำนวยการสืบสวนเร่งรัดผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ปรากฏผลการจับกุมนายพร้อม รัตนกระจ่าง และนายธนาธิป หรือผัน รัตนกระจ่าง พร้อมของกลาง รวมจ านวน 8 รายการ ดังนี้
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 ถุง จำนวนทั้งสิ้น 1,414 มัด หรือ ประมาณ 2,828,000 เม็ด ,รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตาร์ด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค-6604 เชียงราย,รถโดยสารประจำทาง บริษัทเชิดชัยทัวร์ สายกรุงเทพ - เชียงราย หมายเลขทะเบียน 10-1294 ปทุมธานี ,รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวา สีแดง หมายเลขทะเบียน ขงฉ-192 เชียงราย,โทรศัพท์ 4 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ”
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ให้ดำเนินการลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ชุมชน, สถานศึกษา, โรงเรียนและสถานประกอบการ และ ข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 และวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบูรณาการ ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน โดยการสกัดกั้น การลำเลียงยาเสพติด และปฏิบัติการกดดันทุกรูปแบบ มุ่งต่อชุมชนชายแดนที่เป็นแหล่ง ช่องทางนำเข้า และแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ สกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนในในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่ากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกัน มีความเชื่อมโยงกับบุคคลในพื้นที่ จ.เชียงราย และใกล้เคียง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ตามแผนบูรณาการความร่วมมือในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ในระยะเวลา 3 เดือน (พ.ย.61 – ก.พ.62) ตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกองทัพภาคที่ 3, กองบัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการต ารวจภูธร ภาค 5, ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด นั้น แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายแบ่งงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยให้มุ่งเน้นเครือข่าย รายสำคัญ และบุคคลที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อีกทั้งให้เน้นการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.สืบสวนมีกลุ่มผู้ค้าและลักลอบลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ จ.เชียงราย เครือข่ายของ นายพร้อม รัตนกระจ่าง อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.4 ต.พะเนา อ.เมือง นครราชสีมา มีอาชีพขับรถโดยสารประจ าทางของบริษัทเชิดชัยทัวร์มีพฤติการณ์รับจ้างลักลอบขนล าเลียงยาเสพติดจำนวน มากจากพื้นที่ จ.เชียงราย ไปส่งลูกค้าพื้นที่ กทม.และปริมณฑลอยู่บ่อยครั้ง โดยจะซุกซ่อนยาเสพติดไปกับรถโดยสารประจำทางคันที่นายพร้อมฯขับประจำ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตรวจ ทหาร ป.ป.ส. และหน่วยกำลังในพื้นที่ เพื่อวางแผนการสืบสวนจับกุม
ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจพบรถโดยสารประจำทาง บริษัทเชิดชัยทัวร์ สายกรุงเทพ - เชียงราย หมายเลขทะเบียน 10-1294 ปทุมธานีแล่นมาจากทาง จ.พะเยา เข้าไปสถานีขนส่งเชียงรายแห่งที่ 2 แล้วขับออกไปตามถนนสายบายพาส-เลี่ยงเมืองเชียงราย เพื่อรับยาเสพติดแล้วขับไปจอดภายในปั้มน้ ามันเอสโซ่ ถนนพหลโยธิน เชียงราย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้เฝ้าติดตาม จากนั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค.62 พบมีรถยนต์กระบะสีเทา ขับมาจอดในซอยบริเวณหลังปั้มฯ และมีการส่งมอบยาเสพติดใส่ไว้ในท้ายกระบะ แล้วขับออกไปตามเส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวอย่างรวดเร็วกระทั่งเสียหลักเข้าข้างทางชายทั้งสองคนอาศัยความมืดและความช านาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว พบยาบ้าฯ ของกลางอยู่บริเวณท้ายกระบะฯ โดยมีผ้าคลุมปกปิดไว้ ชุดสืบสวนอีกส่วนหนึ่งได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่1 และที่ 2 ได้ภายในปั๊มน้ ำมันเอสโซ่ฯ ชุดสืบสวนจึงจับกุมและแจ้งให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวของทั้งสองคน และพวกเป็นความผิดเป็นเหตุให้ถูกจับกุม และข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองคน สอบถามทั้งสองให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ดำเนินคดีต่อไป.-
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 ถุง จำนวนทั้งสิ้น 1,414 มัด หรือ ประมาณ 2,828,000 เม็ด ,รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตาร์ด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค-6604 เชียงราย,รถโดยสารประจำทาง บริษัทเชิดชัยทัวร์ สายกรุงเทพ - เชียงราย หมายเลขทะเบียน 10-1294 ปทุมธานี ,รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวา สีแดง หมายเลขทะเบียน ขงฉ-192 เชียงราย,โทรศัพท์ 4 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ”
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ให้ดำเนินการลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ชุมชน, สถานศึกษา, โรงเรียนและสถานประกอบการ และ ข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 และวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบูรณาการ ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน โดยการสกัดกั้น การลำเลียงยาเสพติด และปฏิบัติการกดดันทุกรูปแบบ มุ่งต่อชุมชนชายแดนที่เป็นแหล่ง ช่องทางนำเข้า และแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ สกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนในในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่ากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกัน มีความเชื่อมโยงกับบุคคลในพื้นที่ จ.เชียงราย และใกล้เคียง
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ตามแผนบูรณาการความร่วมมือในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ในระยะเวลา 3 เดือน (พ.ย.61 – ก.พ.62) ตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกองทัพภาคที่ 3, กองบัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการต ารวจภูธร ภาค 5, ส านักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด นั้น แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายแบ่งงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตอนในและกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยให้มุ่งเน้นเครือข่าย รายสำคัญ และบุคคลที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อีกทั้งให้เน้นการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน คดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.สืบสวนมีกลุ่มผู้ค้าและลักลอบลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ จ.เชียงราย เครือข่ายของ นายพร้อม รัตนกระจ่าง อยู่บ้านเลขที่ 66 ม.4 ต.พะเนา อ.เมือง นครราชสีมา มีอาชีพขับรถโดยสารประจ าทางของบริษัทเชิดชัยทัวร์มีพฤติการณ์รับจ้างลักลอบขนล าเลียงยาเสพติดจำนวน มากจากพื้นที่ จ.เชียงราย ไปส่งลูกค้าพื้นที่ กทม.และปริมณฑลอยู่บ่อยครั้ง โดยจะซุกซ่อนยาเสพติดไปกับรถโดยสารประจำทางคันที่นายพร้อมฯขับประจำ จึงประสานเจ้าหน้าที่ตรวจ ทหาร ป.ป.ส. และหน่วยกำลังในพื้นที่ เพื่อวางแผนการสืบสวนจับกุม
ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ม.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจพบรถโดยสารประจำทาง บริษัทเชิดชัยทัวร์ สายกรุงเทพ - เชียงราย หมายเลขทะเบียน 10-1294 ปทุมธานีแล่นมาจากทาง จ.พะเยา เข้าไปสถานีขนส่งเชียงรายแห่งที่ 2 แล้วขับออกไปตามถนนสายบายพาส-เลี่ยงเมืองเชียงราย เพื่อรับยาเสพติดแล้วขับไปจอดภายในปั้มน้ ามันเอสโซ่ ถนนพหลโยธิน เชียงราย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุมได้เฝ้าติดตาม จากนั้น เมื่อวันที่ 20 ม.ค.62 พบมีรถยนต์กระบะสีเทา ขับมาจอดในซอยบริเวณหลังปั้มฯ และมีการส่งมอบยาเสพติดใส่ไว้ในท้ายกระบะ แล้วขับออกไปตามเส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวอย่างรวดเร็วกระทั่งเสียหลักเข้าข้างทางชายทั้งสองคนอาศัยความมืดและความช านาญในพื้นที่หลบหนีไปได้ ชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว พบยาบ้าฯ ของกลางอยู่บริเวณท้ายกระบะฯ โดยมีผ้าคลุมปกปิดไว้ ชุดสืบสวนอีกส่วนหนึ่งได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่1 และที่ 2 ได้ภายในปั๊มน้ ำมันเอสโซ่ฯ ชุดสืบสวนจึงจับกุมและแจ้งให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวของทั้งสองคน และพวกเป็นความผิดเป็นเหตุให้ถูกจับกุม และข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสองคน สอบถามทั้งสองให้การยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ดำเนินคดีต่อไป.-