พยาบาลและกู้ภัยปีนลงบ่อชุบคลุกฝุ่นสนิมช่วยคนงานพลัดตกจากที่สูงกระเด็นตกบ่อ       

  เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 4 พฤษภาคม 2568ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุพัฒน์ จันทร์วงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งเหตุ คนตกจากที่สูงได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในโรงงานที่กำลังก่อสร้าง ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พร้อมประสานอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู และหน่ายกู้ชีพโรงพยาบาลบางเสาธง เข้าให้การช่วยเหลือ          

ที่เกิดเหตุอยู่ในบ่อน้ำจุดที่ 2 ซึ่งกำลังก่อสร้างมีความลึก 4 เมตร กว้าง 1.5 เมตร ยาว 8 เมตร พบผู้บาดเจ็บเป็นชายหนึ่งราย ทราบชื่อ นายอนุรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี หรือ หนึ่ง อาชีพช่างรับจ้างทั่วไป นอนแน่นิ่ง หายใจติดขัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนหักทั้งสองข้าง หลังจากขึ้นไปทำงานแล้วพลัดตกลงจากห้องใต้หลังคาซึ่งมีความสูงกว่า 10 เมตร ทะลุฝ้าเพดานเป็นช่องโหว่ โชคดีที่บ่อน้ำด้านล่างยังทำไม่เสร็จ ไม่มีน้ำขังอยู่ด้านใน จึงรอดจากการจมน้ำเสียชีวิต ทีมกู้ชีพฯใช้เวลากว่า 30 นาที  สามารถนำตัวขึ้นมาได้ ซึ่งที่เกิดเหตุพบว่าฝุ่นจากสนิมจำนวนมากทำให้ทั้งกู้ภัยและพยาบาลต่างเปรอะเปื้อนสนิมกันทั้งตัว           

จากการสอบถาม  นายบุญเลิศ (สงวนนามสกุล)อายุ 35 ปี เพื่อนคนเจ็บ กล่าวว่า ตนกับนายอนุรักษ์ ผู้บาดเจ็บ ขึ้นไปทำงานวัดขนาดแผ่นฝ้าบนห้องใต้หลังคา ที่มีความสูง 8 เมตรจากพื้นโรงงาน โดยตนทำงานอยู่คนละฝั่งกับนายอนุรักษ์ ห่างกันประมาณ 6-7 เมตร หลังทำงานอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าว จู่ ๆ ได้ยินเสียงคนงานด้านล่างตะโกนบอกว่านายอนุรักษ์ตกลงบ่อน้ำด้านล่างได้รับบาดเจ็บ ตน จึงรีบลงมาดู พร้อมหาทางช่วยเหลือและโทรแจ้ง 1669

 โดยที่ผ่านมานายอนุรักษ์ เป็นคนกลัวความสูง แต่วันนี้กลับอาสาขึ้นไปทำงานอยู่ด้านบน ตนจึงไม่แน่ใจว่าสาเหตุเกิดจากอากาศที่ร้อนจัดแล้วทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมหรือเปล่า ขณะที่เพื่อนคนงาน ต่างพูดในลักษณะเดียวกัน มาเห็นคนเจ็บหลังจากที่ตกลงมาแล้ว 

     จากการสำรวจพื้นที่โรงงาน พบมีบ่อน้ำซึ่งเป็นลักษณะทำไว้เป็นบ่อชุบของโรงงาน อยู่ทั้งหมด 12 บ่อ แต่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ทำให้บางบ่อยังไม่มีน้ำอยู่ด้านใน โดยเฉพาะบ่อที่ 2 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ 

          ด้านพนักงานสอบสวน ได้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ สอบปากคำเพื่อนคนงาน และต้องรอให้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้นก่อนจึงจะสอบปากคำถึงสาเหตุอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป