วันที่ 4 พ.ค.68 ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุกส่วนตัว ระบุว่า
“ดีลลับ” กับสหรัฐฯ เรื่องภาษี...คำพูดที่ไม่ควรมองข้ามของนายกฯ แพทองธาร
ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาษีนำเข้าและข้อตกลงทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้พูดในรายการ “โอกาสไทยกับนายกฯแพทองธาร” ว่า
“แม้ยังไม่มีคิวนัดอย่างเป็นทางการ แต่รัฐบาลมี ‘ดีลลับ’ กับทีมงานฝั่งอเมริกาอยู่ตลอด”
คำว่า “ดีลลับ” ไม่ใช่ถ้อยคำธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อมาจากผู้นำประเทศ และเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ระดับชาติ
ประชาชนควรถามต่อว่า:
- ดีลลับเรื่องอะไร?
- กระทบผลประโยชน์ของชาติหรือไม่?
- ไทยได้หรือเสียอะไรจากดีลนั้น?
- และทำไมถึงต้องลับ?
แน่นอนว่าในเวทีการทูตและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การเจรจาหลายครั้งจำเป็นต้องเป็นความลับในบางช่วง เพื่อไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการพูดคุยหรือสร้างแรงต้านก่อนเวลาอันควร ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
แต่ในระบอบประชาธิปไตย “ความลับ” ต้องมีขอบเขต และ “ความโปร่งใส” ต้องมีน้ำหนักเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อการเจรจานั้นเกี่ยวข้องกับภาษี เงื่อนไขการค้า หรือผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการทั้งประเทศ
การกล่าวถึง “ดีลลับ” อย่างไม่มีคำอธิบายต่อสาธารณะ อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชน และตั้งคำถามว่า รัฐบาลกำลังตัดสินใจอะไร โดยไม่ให้สังคมมีส่วนรู้เห็น
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในทันที แต่ควรชี้แจงให้ประชาชนเห็นภาพรวม เช่น
- ประเด็นที่อยู่ระหว่างการเจรจา
- เป้าหมายของฝ่ายไทย
- และสิ่งที่ประเทศไทยยืนหยัดรักษาผลประโยชน์ไว้
เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของรัฐบาล แต่เป็นของประชาชนทุกคน
และความไว้วางใจในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้เกิดจาก “การบอกให้เชื่อใจ” แต่ต้องเกิดจาก “การให้รู้ ในสิ่งที่ควรรู้” อย่างเหมาะสม