พายุฤดูร้อนกระหน่ำอย่างหนักวัดดังที่บุรีรัมย์ พัดแบบหล่อองค์ "หลวงปู่สุข" เกจิดังอีสานใต้ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 13 เมตร พังถล่ม คาดความเสียหายราว 4 แสน  ชาวบ้านเผยเห็นแสงสีขาวก่อนลมพัดรูปหล่อพัง ด้านเจ้าอาวาสเผยเป็นภัยธรรมชาติไม่ใช่สิ่งลี้ลับอะไร  มีบ้านเรือนเสียหายอีกหลายหลัง

วันที่ 4 พ.ค.68 ได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ ถล่มอย่างหนัก ที่วัดโพธิ์ทรายทอง  ต.ละหานทราย  อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์  ส่งผลให้แม่พิมพ์หรือแบบหล่อที่เตรียมการก่อสร้างรูปหล่อหลวงปู่สุข ธฺมมโชโต หรือพระครูภาวนาภิรมย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทรายทอง เกจิดังแห่งอีสานใต้ ขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 13 เมตร  ถูกลมพัดพังถล่มลงมาได้รับความเสียหาย  คาดมูลค่าความเสียหายประมาณ 4 แสนบาท สร้างความตกใจชาวบ้านที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก

สอบถามนายทวี  สิงห์สารท  ประธานกรรมการวัด และเป็นเหรัญญิกของวัดโพธิ์ทรายทอง  เปิดเผยว่า  เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดช่วงเย็นของวันที่ 2 พ.ค.68  ซึ่งมีพายุฝนและลมแรงมากกว่าทุกครั้ง จนทำให้แบบที่เป็น PU โฟม ซึ่งเตรียมจะขึ้นหล่อองค์หลวงปู่ มีขนาดหน้าตัก 9 เมตร สูง 13 เมตร องค์จริงจะเป็นทองเหลืองมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาทถูกลมพัดจนพังถล่ม  คาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นราวๆ 4 แสนบาท  ซึ่งการสร้างองค์หลวงปู่สุขเกิดจากแรงศรัทธาของญาติโยม  เพราะเป็นเกจิดังที่ประชาชนชาวอีสานใต้เคารพศรัทธา  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เกิดจากภัยธรรมชาติไม่อยากให้มองเป็นเรื่องของลี้ลับใดๆ  ก็อยากจะฝาก ถึงผู้มีจิตศรัทธาที่เคารพหลวงปู่ สามารถร่วมบุญในการก่อสร้างองค์หลวงปู่ให้แล้วเสร็จตามเจตนา   เพื่อให้เกิดที่เคารพกราบไหว้ของคนในจังหวัดบุรีรัมย์และต่างจังหวัดด้วย 

ด้านพระครูสิริโพธิธาดา ปญฺญาคโม เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทรายทอง เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุหลวงพ่อก็ยืนอยู่ที่ศาลามีลมพัดแรงมาก พอมองไปที่ถนนเห็นโคมตกลงมาอยู่กลางถนนก็รู้สึกตกใจ ส่วนพระเณรในวัดหลายรูปก็อยู่ในกุฏิไม่มีใครกล้าออกไปข้างนอกเลย สักพักองค์หลวงปู่แบบหล่อหลวงปู่สุของค์ใหญ่ที่กำลังก่อสร้าง  ก็ถูกลมพัดพังถล่มลงมา   หลังจากนี้ก็จะทำการรื้อออกและเริ่มทำใหม่ ส่วนของจริงจะอยู่ที่โรงหล่อ ที่กรุงเทพฯ เป็นแบบทองเหลืองมูลค่าการสร้างอยู่ประมาณ 30 ล้านบาท ก็มาจากการร่วมแรงร่วมใจของญาติโยมที่ช่วยกันสร้าง ส่วนที่สร้างเสร็จแล้วรวมทั้งโดมและแบบที่เห็นก่อนจะถล่มลงอยู่ประมาณ 4 แสนบาท ส่วน PU โฟม และการติดตั้งประมาณ 7 แสนบาท ในส่วนตรงนี้ทางโรงหล่อก็จะเข้ามาดูและเริ่มติดตั้งเข้าไปใหม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เกิดจากภัยธรรมชาติไม่ใช่เรื่องลี้ลับอะไร เพราะแม้แพระธาตุพนมก็ยังเคยพังลงมาแล้ว   แต่หลวงพ่อก็อยากเชิญชวนญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญด้วยกัน

ด้านนางดวงตะวัน พรมโพธ์ อายุ 69 ปี  ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากของวัด เปิดเผยว่า  ก่อนเกิดเหตุตนก็ได้ไปประชุมในหมู่บ้านตอนนั้นมีลมพัดแรงมาก หันมองไปทางวัดก็เห็นแสงสีขาวเหมือนควันสีขาวเป็นทางยาวพุ่งตรงไปที่องค์หลวงปู่ และพุ่งออกไปด้านนอกวัดทันที ก็ยังแปลกใจไม่รู้ว่าควันขาวนั้นคืออะไร ส่วนตัวดูแลที่วัดนี้มาประมาณ 20 กว่าปี ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งนี้เป็นครั้งแรก  แต่ก็ไม่มองว่าเป็นเรื่องของภัยธรรมชาติมากกว่า  

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากวัดโพธิ์ทรายทองแล้ว  ยังมีรายงานว่ามีบ้านเรือนหลายหลังในพื้นที่ อ.ละหานทราย  ที่ได้รับความเสียหายจากพายุพัดถล่มครั้งนี้ด้วย  อยู่ระหว่างการสำรวจและให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง.