ถึงคราวที่ “หมอเกศ” พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา ต้องลุ้นระทึกชะตากรรม บนเส้นทางการเมือง ว่าที่สุดแล้ว ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะมีคำพิพากษาออกมาในทางลบ ส่งผลให้ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง ตามที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติชงเรื่องไปหรือไม่
มีรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติเมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 ให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตาม มาตรา 62 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พญ.เกศกมล
กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4) ของกฎหมายเดียวกัน จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ดอกเตอร์ จาก california university ในการยื่นสมัครสว. ตามที่สำนักงานกกต.
โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง california university เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
สำหรับ มาตรา 77(4) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง พญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สว.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้จะพบว่าหมอเกศ เป็นผู้ที่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับ 1 จากกลุ่มอาชีพอิสระ โดยระบุว่าเป็นแพทย์เวชศาสตร์ป้องกันแขนงสุขภาพจิตชุมชน และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม นอกจากนี้ยังเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมายการ ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร เป็นคณะทำงานติดตามการดำเนินการตามนโยบายด้านส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ กระทรวงแรงงาน และยังเป็นกรรมการผู้จัดการเกศกมลคลินิก, เกศกมล เด้นทัล คลินิกและ อินเตอร์ เดอร์มา แลบอราทอรี เรียกว่าทั้งคุณสมบัติที่เจ้าตัวแจ้งเอาไว้กับกกต. เมื่อครั้งสมัครเป็นสว.นั้นโดดเด่น ทำให้ถูกจับตามาโดยตลอด
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน หมอเกศ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 พบว่า หมอเกศกมล และคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 126,804,479 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 43,211,671 บาท
สำหรับจุดที่เป็นประเด็น และน่าจะถือเป็นจุดตายที่ทำให้เจ้าตัวถูกตรวจสอบวุฒิการศึกษา เพราะหมอเกศ แจ้งเอาไว้เมื่อครั้งสมัครสว.ในปี 2567 ว่าจบปริญญาเอก รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิต จาก California University กระทั่งต่อมามีการขุดคุ้ย จนกระจ่างว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้ในไทยยังไม่มีการรับรอง ทำให้นักวิชาการ ต้องออกมาชี้แจงต่อสังคมว่า มหาวิทยาลัยที่หมอเกศอ้างแห่งนี้ ไม่ต่างจากการซื้อปริญญาปลอม และวุฒิที่จบปริญญาเอกก็ไม่สามารถเทียบได้กับปริญญาเอก แต่เป็นการเทียบเคียงเท่านั้น
รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้เคยออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เคยให้การรับรองมหาวิทยาลัยที่เป็นประเด็นแต่อย่างใด