เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2562 ที่โรงแรมเจริญธานี จังหวัดขอนแก่น พลตำรวจเอกยงยุทธ เทพจำนงค์ หัวหน้าพรรคประชานิยม พร้อมด้วย นายปฐมฤกษ์ มณีเนตร รองหัวหน้าพรรค นายศิริชัย ลักษณโกเศศ รองหัวหน้าพรรค นายแพทย์สกนธ์ บุญมีอุดม รองหัวหน้าพรรค และนายกฤษณพร เสริมพาณิช รองหัวหน้าพรรค ได้ร่วมกันเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชานิยม ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 108 คน
ทั้งนี้ได้มีการร่วมแถลงนโยบายของพรรคประชานิยมในการปฏิรูปข้าวทั้งระบบด้วยการลดต้นทุนการปลูกข้าวโดยจัดให้มีรถไถนา, รถดำนา, รถเกี่ยวนวดข้าวประจำตำบลให้ชาวนาใช้ฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปลูกข้าว การจัดทำลานตากข้าวเปลือก, โรงอบความชื้นข้าวเปลือก,โรงสีข้าว, ไซโลเก็บข้าวเปลือกให้ชาวนาฟรี และเปลี่ยนแปลงวิธีในการรักษาข้าว จากเดิมเก็บรักษาในรูปแบบข้าวสาร มาเป็นเก็บรักษาในรูปแบบข้าวเปลือก ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บรักษาข้าวไว้ได้นานโดยข้าวไม่เสื่อมสภาพหรือเน่าเสีย เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งการข้าวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้น 100% ในรูปแบบเดียวกับการไฟฟ้านครหลวง และทำหน้าที่รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงในราคาที่เหมาะสม ในราคาต้นทุนของการเพาะปลูกข้าวเปลือกของชาวนา และบวกกำไรเพิ่มให้ชาวนาในอัตราร้อยละ 15 ซึ่งจะเป็นการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา ในราคาปัจจุบันคือ ต้นทุน (9,000 บาท) +กำไรเพิ่ม (1,500 บาท) รัฐบาลจึงรับซื้อข้าวเปลือกในราคาตันละ 10,500 บาท ทำให้ชาวนามีรายได้เพียงพอเลี้ยงชีพ และชาวนาจะไม่มีโอกาสขาดทุนจากการปลูกข้าวอีกต่อไป และนำข้าวเปลือกไป สีแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายให้กับประชาชนโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ประชาชนซื้อข้าวสารในราคาถูกลง ชาวนาและผู้บริโภคมีความสุขร่วมกัน
ทั้งนี้ได้มีการร่วมแถลงนโยบายของพรรคประชานิยมในการปฏิรูปข้าวทั้งระบบด้วยการลดต้นทุนการปลูกข้าวโดยจัดให้มีรถไถนา, รถดำนา, รถเกี่ยวนวดข้าวประจำตำบลให้ชาวนาใช้ฟรี เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปลูกข้าว การจัดทำลานตากข้าวเปลือก, โรงอบความชื้นข้าวเปลือก,โรงสีข้าว, ไซโลเก็บข้าวเปลือกให้ชาวนาฟรี และเปลี่ยนแปลงวิธีในการรักษาข้าว จากเดิมเก็บรักษาในรูปแบบข้าวสาร มาเป็นเก็บรักษาในรูปแบบข้าวเปลือก ซึ่งจะทำให้สามารถเก็บรักษาข้าวไว้ได้นานโดยข้าวไม่เสื่อมสภาพหรือเน่าเสีย เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งการข้าวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลถือหุ้น 100% ในรูปแบบเดียวกับการไฟฟ้านครหลวง และทำหน้าที่รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงในราคาที่เหมาะสม ในราคาต้นทุนของการเพาะปลูกข้าวเปลือกของชาวนา และบวกกำไรเพิ่มให้ชาวนาในอัตราร้อยละ 15 ซึ่งจะเป็นการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา ในราคาปัจจุบันคือ ต้นทุน (9,000 บาท) +กำไรเพิ่ม (1,500 บาท) รัฐบาลจึงรับซื้อข้าวเปลือกในราคาตันละ 10,500 บาท ทำให้ชาวนามีรายได้เพียงพอเลี้ยงชีพ และชาวนาจะไม่มีโอกาสขาดทุนจากการปลูกข้าวอีกต่อไป และนำข้าวเปลือกไป สีแปรรูปเป็นข้าวสารจำหน่ายให้กับประชาชนโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ทำให้ประชาชนซื้อข้าวสารในราคาถูกลง ชาวนาและผู้บริโภคมีความสุขร่วมกัน