ผู้ปกครองนักเรียนที่บุรีรัมย์ ชะลอการซื้อชุดลูกเสือเนตรนารีรอประกาศชัดเจนจากทาง ร.ร. ผู้ปกครองเห็นต่างบางส่วนอยากให้คงไว้เพราะการแต่งเครื่องแบบสอดคล้องกับหลักสูตรการเรียน แต่บางคนบอกหากใส่ชุดอื่นแทนได้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ด้านผู้ประกอบการห้างร้านยอมรับกระแสยกเลิกแบบฟอร์มลูกเสือ-เนตรนารีและเศรษฐกิจ กระทบยอดขายกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
วันนี้(1 พ.ค.68) บรรดาพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต่างพาบุตรหลานไปหาเลือกซื้อชุดนักเรียนและเครื่องเขียนแบบเรียนตามห้างร้านต่างๆ ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์กันแล้ว เพื่อเตรียมนำไปสวมใส่ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ใกล้จะถึงนี้
ซึ่งจากการสังเกต พบว่าผู้ปกครองที่มาเลือกซื้อชุดนักเรียน ส่วนใหญ่จะซื้อในราคาปานกลางตัวละไม่เกิน 200-300 บาท และหากคนไหนมีชุดเดิมที่ยังพอสวมใส่ได้ ก็จะเลือกซื้อเพิ่มเป็นบางตัวเท่านั้น ยกเว้นบุตรหลานที่ต้องเลื่อนชั้นจากอนุบาล ขึ้น ป.1 หรือจาก ป.6 ขึ้นชั้นมัธยม ศึกษาที่ต้องซื้อชุดนักเรียน และอุปกรณ์การเรียนใหม่ทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากระทรวงศึกษาธิการประกาศยกเลิกแบบฟอร์มชุดลูกเสือ-เนตรนารี และล่าสุดก็แจ้งว่าให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแต่ละโรงเรียน ที่จะให้นักเรียนใส่ชุดลำลองหรือชุดลูกเสือ-เนตรนารีปกติ ก็ทำให้ผู้ปกครองหลายคนเกิดความลังเล ส่วนใหญ่จึงชะลอการซื้อชุดลูกเสือ-เนตรนารี ให้กับบุตรหลานก่อน รอทางโรงเรียนประกาศความชัดเจนอีกครั้ง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ ทั้งนี้ผู้ปกครองก็มีความเห็นที่แตกต่างกัน บางคนก็อยากให้คงชุดลูกเสือ-เนตรนารีไว้ เพราะมองว่าเครื่องแต่งกายจะสอดคล้องกับหลักสูตรการเรียน ขณะที่ ผู้ปกครองบางคนก็อยากให้สวมใส่ชุดอื่นแทนได้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครองที่ไม่มีกำลังซื้อ
ด้านนายประพนธ์ วงศ์สุขสวัสดิ์ ผู้ประกอบการจำหน่ายชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนรายหนึ่ง ยอมรับว่า จากกระแสการประกาศยกเลิกสวมใส่ชุดลูกเสือ-เนตรนารี ทำให้ผู้ปกครองชะลอการซื้อชุดลูกเสือ-เนตรนารี ทำให้ชุดลูกเสือ-เนตรนารีที่สั่งมาเตรียมขายก็ขายไม่ได้ เพราะส่วนมากจะซื้อเป็นชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนมากกว่า เพื่อรอประกาศที่ชัดเจนจากทางโรงเรียนก่อน ซึ่งกระแสดังกล่าวประกอบกับภาวะเศรษฐกิจ ก็ส่งผลกระทบกับยอดขายลดลงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์.