วันที่ 30 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลและปรับปรุงภูมิทัศน์ชายฝั่ง มีความเสียหายจากกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่งริมทะเลในพื้นที่ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 79 ล้านบาทจากภาษีประชาชน กลับมีสภาพชำรุดเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งที่เพิ่งหมดสัญญาก่อสร้างไปเพียงไม่ถึงเดือน

 

จากคลิปวิดีโอที่ชาวบ้านส่งให้ผู้สื่อข่าว แสดงให้เห็นถึงความเสียหายของโครงสร้างบริเวณบันไดทางขึ้นและแนวเขื่อนชายทะเลในพื้นที่มีความเสียหายทรุด ชำรุดเสียหายเป็นระยะ โดยโครงการดังกล่าวมีความยาว 685 เมตร ดำเนินการโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด กุยบุรีบริการ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2564 และสิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 รวมระยะเวลาก่อสร้าง 1,296 วัน ภายใต้การควบคุมของนายช่างโยธาจากกรมโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์


 
เช่นเดียวกับโครงการเขื่อนกันคลื่นริมทะเล บริเวณถนนเลียบชายทะเลในพื้นที่ชุมชนคลองบางนางรม อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดฯ มีสภาพปัญหาคล้ายกัน หลังโครงการเพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นานเช่นกัน กลับพบความเสียหายมีสภาพทรุดชำรุดเสียหายยับเยินต่อเนื่องยาวกว่า 200 เมตร โดยประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าอาจเกิดจากการควบคุมงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ วิศวกรโยธาของรัฐขาดประสบการณ์ หรืออาจเป็นเพราะการดำเนินการโดยผู้รับเหมาที่ลดทอนวัสดุโดยไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทำให้โครงสร้างเกิดการทรุดตัวและชำรุดเร็วผิดปกติหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตถึงกระบวนการตรวจรับงานของหน่วยงานรัฐ ว่าอาจมีการเซ็นรับมอบงานโดยไม่ได้ตรวจสอบแบบก่อสร้างอย่างละเอียด ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินสาธารณะในเวลาอันรวดเร็วอีกหรือไม่

ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ป.ป.ช.)มีการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินโครงการของหน่วยงานรัฐจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)อยู่ระหว่างการตรวจสอบกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการต่าง ๆ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “โครงการคิดทำทิ้ง” ซึ่งสร้างความเสียหายต่อรัฐเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท