วันที่ 30 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า วุฒิสภา โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนกลุ่มภาคกลาง (ตอนล่าง) นำโดย พลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี ประธานกรรมการฯ มีนางสาวนิชาภา สุวรรณาสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นางสาวมาเรีย เผ่าประทานสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยคณะสมาชิกวุฒิสภา จัดกิจกรรม "โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน" ที่ห้องประชุมพระเทพสิทธิวิมลเมตตา โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์
โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายสินาทร โอ่เอี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยคณะทำงานสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับข้าราชการทุกภาคส่วนประชาชนที่เดือดร้อนและมีปัญหาอยู่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และมีประชาชนในพื้นที่ จ.ประจวบฯ จำนวนกว่า 200 คน เข้าร่วมกิจกรรม
ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา รวมทั้งผลงานสำคัญของวุฒิสภา พร้อมร่วมพูดคุยและรับฟังปัญหาจากประชาชนซึ่งเป็นตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ใน 5 กลุ่มย่อย ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม ด้านการท่องเที่ยว ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ด้านสังคมและความมั่นคง และด้านโลจิสติกส์ ซึ่งแต่ละกลุ่มได้สะท้อนประเด็นปัญหา ความต้องการ และข้อเสนอแนะอย่างหลากหลาย เช่น การระบาดของแมลงศัตรูมะพร้าว ปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์บางสะพาน ปัญหาสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำ ปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ปัญหาการไม่มีไฟฟ้าใช้ของประชาชนในพื้นที่ ต.บึงนคร อ.หัวหิน ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ราชพัสดุเขตความปลอดภัยทางทหาร ปัญหาช้างป่ากัดกินผลผลิตของเกษตรกร การขอให้สร้างสถานีรถโดยสาร จ.ประจวบฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ซึ่งวุฒิสภาได้รับที่จะนำเอาปัญหา ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น และหนังสือข้อร้องเรียนจากประชาชนกลับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา
ด้านพลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี ประธานกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนกลุ่มภาคกลาง (ตอนล่าง) กล่าวว่า โครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการเสนอแนวทางการพัฒนาในระดับพื้นที่ ตลอดจนการรับฟังความคิดเห็นของชุมชนโดยตรง เพื่อส่งต่อไปยังระดับนโยบายอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในกระบวนการประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บนรากฐานของความร่วมมือ ความโปร่งใส และความยั่งยืนภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข