# ศาลฎีกา นัดฟังคำสั่งที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 68 เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล 

โดยศาลมีคำสั่งยกคำร้องของนายชาญชัย เนื่องจาก เห็นว่าผู้ร้องไม่ใช่คู่ความในคดีหมายเลขแดง อม. 4/2551 คดีแดง อม. 10/2552 และคดีแดง อม. 5/2551 ของศาลนี้ และไม่ใช่ผู้เสียหายของคดีดังกล่าวจึงไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องต่อศาลนี้ โดยศาลเตรียมพิจารณาคดีเองพร้อมกับนัดไต่สวนพร้อมคู่ความในวันที่ 13 มิถุนายนนี้เวลา 09.30 น.

# นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการให้ สส.ทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร  ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลจะต้องมีการมาพูดคุยกัน เนื่องจากขณะนี้ทุกพรรคยังไม่ได้หารืออย่างเป็นทางการ

ยืนยันว่าในคณะพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนดำเนินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี​ ซึ่งจากการที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงถอนร่างกฎหมายจากการเตรียม เข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ มีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยในทิศทางเดียวกัน ว่าให้ถอนเรื่องออกมาก่อน และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคที่อาจจะต้องโหวต ก็ต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกัน 

# นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง บริษัท มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ออกมาปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยลงไปหนึ่งระดับ แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้สกุลเงินบาท แบบไม่มีหลักประกันของไทย อยู่ที่ระดับ Baa1  และคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้น สกุลเงินต่างประเทศของไทยอยู่ที่ระดับ P-2  โดย มูดี้ส์ระบุว่า การปรับลดมาจากมาตรการ เรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเก็บภาษีเพิ่มเติม

ซึ่งเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์ของบริษัทเอกชนอย่างมูดีส์ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายในทุกประเทศทั่วโลก เพราะปัจจัยที่ปรับลด มูดี้ส์เองก็ระบุว่ามาจากกำแพงภาษีของสหรัฐ  ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยนี้จะทำให้บริษัทเอกชนที่จัดอันดับ จะปรับลดอีกหลายประเทศจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบเดียวกัน แต่คิดว่าการปรับลดครั้งนี้เร็วเกินไป เพราะทั้งประเทศไทยและประเทศทั่วโลกก็อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย ยังไม่มีผลใดๆ ออกมาชัดเจน 

มีรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา 62 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย  สมาชิกวุฒิสภา ​ กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกัน 

จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก california university ในการยื่นสมัครสว. ตามที่สำนักงานกกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง california university เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย