จากกรณีที่นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวปราศรัยที่จ.กาฬสินธุ์ ตอนหนึ่ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำโดยเฉพาะ ระบุว่าข้าวสวยหน้าร้านราคาตันละ 5 หมื่น แต่ชาวนาขายข้าวได้ตันละไม่ถึงหมื่น เพราะมันมีส่วนต่างที่เราต้องเอากลับคืนมาให้เกษตรกรนั้น ล่าสุด เพจเฟซบุ๊กชื่อ Benya Nandakwang ของ เบญญา นันทขว้าง เจ้าของร้านอาหารไวท์คาเฟ่ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้โพสต์ข้อความทักท้วงแนวคิดดังกล่าว ว่า ไม่รู้จริง ตรงกับกับข้อเท็จจริง เนื่องจากตัวเลข 5 หมื่นเป็นราคาณจุดขาย ไม่ใช่ราคาข้าวสวยหน้าร้านอย่างที่เข้าใจ โดยข้อความระบุว่า "ขออนุญาตท้วงคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โดยตอบจากความรู้เบื้องต้นของคนที่ทำโครงการข้าวกับชาวนามาได้แค่ 5 ปี และทำร้านอาหารมากว่า 30 ปีข้าวเปลือก สมมุติหอมมะลิก็แล้วกันราคาขึ้นลงระหว่าง แปดพันถึงหมื่นกว่าเรามาลองเอาตัวเลขตุ๊กตาคุ้นๆ สมัยรัฐบาลใครก็ไม่รู้ คือตันละหมื่นห้ามาลองคำนวณ ข้าวเปลือกเมื่อสีเป็นข้าวสาร จะเสียน้ำหนักไปครึ่งต่อครึ่งแสดงว่า ถ้าเปลือก 15,000 สีเป็นข้าวสารคือ 30,000 เท่ากับต้นทุนข้าวสารตกกิโลละ 30 บาท ยังไม่รวมค่าสี แพ็ค ซีล และขนส่ง บวกไปโลละ 5 บาท บวกกำไรของพ่อค้าคนกลางมายันค้าปลีก แบรนด์ดิ้งต่างๆ ตกโลละห้าสิบกว่า ข้าวสารกิโลนึงน่าจะหุงตักข้าวสวยได้สัก 20 จาน ก็คือต้นทุนค่าข้าวจานละ 2.5 บาท คือตันละ ห้าหมื่น ณ จุดขาย แต่คุณชัชชาติแกพูดถึงราคาข้าวสวยที่หน้าร้านเว้ยเฮ้ย (อุ๊ย ขออภัยลืมตัว) ราคาหน้าร้านอาหารมันมีต้นทุนบานตะไท ค่าเช่า ค่าแรงครัว ค่าแรงเสิร์ฟ ชุดพนักงาน แฟ้บสบู่ ค่าแอร์ น้ำไฟฟ้าค่าตกแต่งลงทุนทำร้าน ค่าเมนู ค่าจานชามช้อนส้อมซึ่งสวย...ก็หายเช็ด (ภาษาเริ่มแย่ลง) ทำให้ โดยปกติร้านอาหารต้องคำนวณต้นทุนแล้วคูณสามเป็นอย่างต่ำ จึงจะเริ่มมีกำไร อย่าลืมว่า ขายไม่หมดก็ต้องทิ้ง ก็คือ 7.5 บาท ถ้า...พอที่จะคำนวณกลับไปเป็นข้าวเปลือก คือ ตันละแสนห้าจ้ะ คืนไหวไหมล่ะ" ขอบคุณภาพจาก FB :Benya Nandakwang