วันที่ 30 เมษายน 2568 มีรายงานว่าที่ประชุมกกต.ได้มีการพิจารณาและมีมติให้ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาตามมาตรา62 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 เพื่อวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรณีกระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถหรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77(4)ของกฎหมายเดียวกัน จากเหตุแจ้งว่ามีคุณสมบัติ ด็อกเตอร์ จาก california university ในการยื่นสมัครสว. ตามที่สำนักงานกกต.โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้เสนอรายงานผลการตรวจสอบพร้อมความเห็นว่า การจะใช้คำนำหน้าด็อกเตอร์ จะต้องเป็นการไปเรียนจริง และเรียนจบได้วุฒิบัตรมาแล้ว อีกทั้ง california university เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้วิธีให้ส่งรายงาน และการเทียบโอนเกรด ซึ่งยังไม่ได้มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทย
สำหรับคดีนี้หลังมีผู้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ กกต.มีมติสั่งรับเป็นสำนวนเมื่อ5 ก.ค.67จากนั้นสำนักงานฯได้ดำเนินการสืบสวนไต่สวนและนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมกกต.ครั้งแรก เมื่อ31ต.ค.67 และอีกครั้งในวันที่5พ.ย.67แต่กกต.เห็นว่าข้อมูลยังไม่ครบถ้วนจึงให้สำนักงานฯไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.จะให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าจะพิจารณาคดีนี้ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้
ทั้งนี้มาตรา 77(4)ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 กำหนดว่าผู้ใดกระทำการหลอกลวง บังคับขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคามใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณของผู้สมัครใด เพื่อให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปีปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ซึ่งหากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง พญ.เกศกมล จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่สว.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
อย่างไรก็ตาม พญ.เกศกมล ยังถูกร้องในเรื่องของฮั้วเลือกสว.ซึ่งกกต. ยังไม่ได้พิจารณา คาดว่าจะถูกรวมพิจารณากับกรณีที่กกต.มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกับเจ้าหน้าที่ DSI สอบกระบวนการฮั้วเลือกสว.ทั้งหมด