ประเพณี วัฒนธรรมเด่น ท่องเที่ยวมิติศาสนา ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะ 8 พระธาตุประจำวันเกิด ยลวิถีชุมชน ผลักดันประเพณีไหลเรือไฟสู่ประเพณีไหลเรือไฟโลก สร้างรายได้ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจนครพนม
เป็นภาพนิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราวประเพณี วัฒนธรรม วิถีชีวิตชาวนครพนม ที่กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมร่วมกับหน่วยงานราชการ เครือข่ายทางวัฒนธรรมนำมาจัดแสดง ณ หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 2/2568 โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี(ครม.) เยี่ยมชมนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ชุมชน เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568
ภายในนิทรรศการแนะนำ กรมการศาสนา(ศน.) ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม ภายใต้โครงการจาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา ผ่านกิจกรรมเส้นทางตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด จ.นครพนม 8 แห่ง ได้แก่ 1.พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร 2.พระธาตุเรณู วัดธาตุเรณู 3.พระธาตุศรีคุณ วัดพระธาตุศรีคุณ 4.พระธาตุมหาชัย วัดธาตุมหาชัย 5.พระธาตุมรุกขนคร วัดมรุกขนคร 6.พระธาตุประสิทธิ์ วัดธาตุประสิทธิ์ 7.พระธาตุท่าอุเทน วัดพระธาตุท่าอุเทน และ8.พระธาตุนคร วัดมหาธาตุ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้สู่ชุมชน
นิทรรศการชุมชนยลวิถีและ “นาหว้าโมเดล” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริให้มีการฟื้นฟูการเลี้ยงหนอนไหม โดยโครงการดังกล่าวเพื่อให้ช่างทอผ้าสามารถนำเส้นใยจากหนอนไหมไปผลิตผืนผ้าได้ทุกเมื่อตามต้องการโดยลดปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรเส้นใยและเป็นโครงการตามแนวพระดำริที่มีภารกิจในการฟื้นฟูภูมิปัญญาลายผ้าและความเป็นมาของโครงการศิลปาชีพฯ เพื่อให้ช่างทอผ้าสามารถพึ่งพาตนเองในด้านการสร้างสรรค์ผืนผ้าตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำได้อย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่ระดับอำเภอ โดยการนำอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยอีสานชุมชนยลวิถีบ้านท่าเรือ ที่มีวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นของตนเอง ใช้ภาษาอีสาน(ลาว) ในการสื่อสาร เป็น 1 ใน 9 ชนเผ่าจ.นครพนม และชุมชนผลิตผ้าไหมโครงการศิลปาชีพฯ แหล่งผลิตเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานที่ใหญ่ที่สุด เช่น พิณ แคน โหวด โปงลาง ปี่นก ปี่ภูไท การแต่งกายผู้หญิงสวมเสื้อสี่อิฐแถบแดง นุ่งผ้าถุง มีสไบเฉียงสีขาว ส่วนผู้ชายสวมเสื้อสีกรมท่าแถบแดง มีวัดเป็นศูนย์รวมใจด้วยหลักคำสอนของพุทธศาสนา ในชุมชนมีความเอื้ออาทรและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
นิทรรศการไหลเรือไฟโบราณสู่ประเพณีไหลเรือไฟโลก เป็นประเพณีที่ชาวนครพนมภาคภูมิใจเพราะบรรพบุรุษยึดถือปฏิบัติกันมานานตั้งแต่โบราณ มีความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาทการสักการะท้าวพกาพรหม การบวงสรวงพระธาตุจุฬามณีและการระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคาการขอฝน การเอาไฟเผาความทุกข์และการบูชาพระพุทธเจ้า ประเพณีการไหลเรือไฟนิยมปฏิบัติกันในเทศกาล ออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11
นอกจากนี้ภายในนิทรรศการ มีการสาธิตทำขันหมากเบ็ง หรือการทำพานบายศรี หรือพาขวัญ ซึ่งชาวอีสานยึดถือเป็นประเพณีและปฏิบัติสืบเนื่องจนเป็นเอกลักษณ์ที่ทรงคุณค่ายิ่งของชาวอีสาน การสาธิตงานผ้า งานจักสาน เครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน การแต่งกายชนเผ่าชาติพันธ์นครพนม ภูไท ไทลาว ไทกวน ไทโส้ รวมถึงการสาธิตห่อกาละแมโบราณ ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นที่ทำสืบทอดต่อกันมากว่า 100 ปี ใช้วัตถุดิบแป้งข้าวเหนียวเคี่ยวผสมกับน้ำตาล ผงถ่านกะลาและกะทิสดมีสีดำเหนียวนุ่ม รสชาติหอมหวานเป็นเอกลักษณ์ของกะละแมโบราณนครพนม ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รวมถึงสาธิตการทำเรือไฟกาบกล้วย มรดกภูมิปัญญาสืบทอดกันมาแต่โบราณทำในช่วงเทศกาลไหลเรือไฟเพื่อบูชาอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นำเคราะห์ร้ายหรือทุกข์โศกโรคภัยให้ลอยไปกับแม่น้ำโขง
ยลวิถี ประเพณีไหลเรือไฟ วัฒนธรรมเด่น ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุ จ.นครพนม