30 เม.ย. “ศาลฎีกาฯ” นัดชี้ชะตา “ทักษิณ” จับตานับโทษต่อ เทียบ “คดีจตุพร” หรือไม่ “สุชาติ” เมินกระแสกดดัน "พีระพันธุ์" ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ด้าน “นายกฯอิ๊งค์”วอนสื่ออย่าชี้นำปมคอมเพล็กซ์ ยันทุกพรรคเข้าใจดี! “จุลพันธ์” เดินหน้าทำความเข้าใจประชาชน “กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หวังการลงทุนปรับโครงสร้างท่องเที่ยว ยันไม่ใช่เน้นกาสิโน ย้ำสภาเปิดลุยพิจารณาร่างกฎหมายได้เลย 


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 เม.ย. 68 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติ การถือหุ้นในบริษัทเอกชน 4 แห่งว่า ตนเห็นตามข่าว ไม่ทราบรายละเอียด นายพีระพันธุ์มีความรู้ด้านกฎหมายอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าน่าจะสามารถชี้แจงได้ และเลขาธิการพรรคจะต้องเป็นผู้ชี้แจง ตนไม่รู้เรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อถามว่า กังวลจะกระทบกับตำแหน่งของรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเรื่องของนายกฯ เพราะนายกฯแต่งตั้ง ส่วนจะกระทบไปถึงนายกฯหรือไม่นั้นไม่ทราบ เพราะยังไม่รู้ว่าต้นทางคืออะไร ตนก็ได้ยินข่าวมาจากสื่อมวลชน ยังไม่มีข้อมูล


เมื่อถามว่า จะส่งผลต่อเสถียรภาพในการต่อรองอะไรหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เรื่องนี้ก็คงต้องถามกรรมการบริหารพรรค หรือเลขาธิการพรรค ตนเป็นแค่ สส.และสมาชิกพรรค นายพีระพันธุ์เป็นหัวหน้าพรรค ต้องชี้แจงเอง เพราะมีข่าวออกมาต่อเนื่อง


เมื่อถามว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องสรรหาบุคคลมาแทนอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า หากถึงวันนั้นจริงๆสมมุติใช้คำว่าสมมุติ ตนว่าในพรรครวมไทยสร้างชาติมีคนที่มีความรู้ความสามารถเยอะแยะ เราเป็นพรรคการเมืองไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคล เราทำงานในภาพรวม เป็นตัวแทนประชาชน จึงไม่ยึดติดกับตัวบุคคล

เมื่อถามว่า สังคมจับตามาที่ตัวของนายสุชาติ นายสุชาติ กล่าวว่า คงยังไม่ถึงเวลา เมื่อถามว่าสำหรับกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีการหารือกันอย่างไรบ้าง นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องการปรับครม. เป็นอำนาจของนายกฯ ตอนนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ที่จะตั้งพวกเรามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เราไม่สามารถตัดสินตัวเองได้

เมื่อถามย้ำว่า ในพรรครวมไทยสร้างชาติได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ยังไม่มี อาจจะมีเพียงสมาชิกพรรคที่พูดคุย เพราะทุกคนอยู่ในข้อมูลเดียวกัน และรู้จากสื่อ ส่วนรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรค รวมไทยสร้างชาติได้พูดคุยกันหรือไม่นั้น ไม่ได้พูดถึงตรงนั้น เพราะยังไม่มีข้อมูลหรือสัญญาณอะไร แล้วเราต้องให้เกียรตินายกฯเพราะมีอำนาจสูงสุดในการแต่งตั้ง เราเป็นพรรคร่วม ใครเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมถึงเวลาวันนั้นในสถานการณ์นั้นก็มาว่ากันอีกที

ที่มหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีให้ สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) ไปทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หากเรื่องดังกล่าวไม่ผ่านสภาฯ ในรัฐบาลนี้จะเป็นอย่างไร ว่า ขออย่าเพิ่งชี้นำว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ที่ตนให้ สส.ไปทำความเข้าใจ เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งใหม่ของประเทศ แต่มีในบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เรื่องนี้เป็นการลงทุนจากต่างชาติของภาคเอกชน ที่เราสามารถเก็บภาษีได้ เป็นประโยชน์ที่ประเทศชาติได้รับ และยังมีเรื่องการจัดคอนเสิร์ตที่เข้ามา ก็จะมีการจ้างงานและเก็บภาษีได้มากขึ้น เป็นการลงทุนของเอกชน เนื่องจากเรื่องงบประมาณเราตึงพอสมควร ดังนั้น การลงทุนใหญ่ๆ โดยเอกชนเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ผ่านหรือไม่ผ่านเป็นสิ่งที่ในสภาฯ เขาต้องทำงานกัน สส.ก็ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเป็นแบบนี้มีอะไรเข้าใจผิดหรือไม่ หรืออะไรที่ยังไม่ชัดเจน สส.ทุกพรรคมีหน้าที่ไปอธิบาย โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนแถลงต่อรัฐสภา ก็ต้องดำเนินการทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ ยืนยันว่า เรารับฟังเมื่อ สส.อธิบายไปแล้วประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไรก็ต้องรับฟังมา

เมื่อถามว่า เมื่อกำชับ สส.พรรคเพื่อไทย แล้ว ได้ขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยอธิบายเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า กำชับและได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้วว่าจะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างไรบ้าง ทุกคนมีแนวทางสื่อสารของพรรคตัวเอง ตนได้คุยแต่กับหัวหน้าพรรคให้ทุกพรรคไปดำเนินการกันเอง ซึ่งหัวหน้าพรรคทุกพรรคก็เห็นด้วย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการประกาศกลางสภาฯ ของ สส.บางคน ตรงนี้ถือเป็นจุดที่ทำให้ฝ่ายที่เห็นต่างหยิบมาโจมตีขยายความว่าเรื่องนี้อาจสะดุดและเดินต่อไม่ได้ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เรายังมีเวลาก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ ก็ทำให้ดีที่สุดในเรื่องนี้ และสิ่งที่ตนแถลงต่อรัฐสภาคิดว่าจะเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กับประเทศ ไม่เช่นนั้นก็ไม่อยากตั้งต้นเรื่องนี้ขึ้นมา

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องหันไปถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่าเคลียร์กันเรียบร้อยหรือยัง โดย น.ส.แพทองธาร กระเซ้าว่า ให้ส่งไมค์ให้พรรคภูมิใจไทยด้วยเลยหรือไม่ พร้อมกลับยื่นไมค์ไปทางนายอนุทิน ที่ได้ยืนนิ่ง แล้วบอกว่าเดี๋ยวให้สัมภาษณ์ข้างนอก ก่อนที่ น.ส.แพทองธาร จะกล่าวว่า ความจริงไม่มีปัญหา คุยกับนายอนุทินอยู่แล้ว ซึ่งทราบดีว่าเป็นนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาร่วมกัน


ส่วน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.... หรือร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ยังมีการประชุมอยู่เรื่อยๆ ซึ่งจะมีการเตรียมข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจได้ตรงกับแผนที่วางไว้ว่าไม่ได้ต้องการมุ่งเน้นเรื่องกาสิโนหรือการพนัน แต่เป็นเรื่องของการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีเอกชนมาลงทุนให้ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางได้ว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างไร จะมีโครงสร้างพื้นฐานใหม่หรือไม่ จะมีหอประชุม สวนสนุกขนาดใหญ่ได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นการลงทุนหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาคการท่องเที่ยวครั้งใหญ่

ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่เรื่องของการพนัน ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกบรรจุไว้ในวาระการประขุมสภาอยู่แล้วเมื่อเปิดสภาก็จะสามารถพิจารณาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เม.ย.นี้เวลา 13.00 น. ตามคำร้องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล

ซึ่งนายชาญชัย เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 มาตรา 89/2 (1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 25 กันยายน 2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 

ทั้งนี้ แนวทางที่จะออกมาในวันที่ 30 เม.ย.นี้ หากในกรณีที่ศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้องเอาไว้ไต่สวน คำร้องดังกล่าวจะตกไป แต่หากศาลฯรับคำร้องเอาไว้ไต่สวนตามขั้นตอนจะมีการตั้งคณะผู้พิพากษาขึ้นมาพิจารณาคำร้อง

อย่างไรก็ตาม หากศาลฯรับคำร้องเอาไว้ไต่สวน จะทำให้ทางด้านนายทักษิณ เอง ต้องลุ้นว่าจะต้องกลับเข้าเรือนจำหรือไม่ เมื่อการพิจารณาของศาลฎีกาฯ เสร็จสิ้นลงต่อมา นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกต เรื่องของการนับโทษ โดยเคยมีการนำคดีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ในปี 2564 มาเทียบเคียงซึ่งศาลฎีกาให้นับโทษนายจตุพรต่อในคดีที่ถูก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  อดีตนายกฯ ฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท จนนายจตุพรต้องกลับไปเข้าคุกอีก 11 เดือน 16 วัน แม้จะเคยมีคำสั่งให้ปล่อยตัวออกมาแล้ว


ตามหลักการแล้วหากให้รับไต่สวน ก็จะมีการเปลี่ยนคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดใหม่ โดยคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสียงข้างมากที่เห็นควรรับไว้ไต่สวน