จนท.เร่งขุดลอก-ทำพนัง หลังฝนเริ่มตกน้ำเริ่มเอ่อท่วม! พบมีเจ้าของอาคารบางแห่งหัวแข็งไม่ชี้ให้รื้อถอน

วันที่ 29 เม.ย.68 สภาพอากาศที่มืดครึ้มตั้งแต่ช่วงกลางคืนทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ จ.เชียงราย บางส่วนและรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ส่งผลทำให้ตามถนนบางสายใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และบางชุมชนในอำเภอแม่สาย เช่น ชุมชนไม้ลุงขน ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ฯลฯ มีน้ำเอ่อท่วม เพราะท่อระบายน้ำบางจุดยังคงมีดินโคลนติดอยู่ทำให้การไหลระบายมีความยากลำบาก อย่างไรก็ตามน้ำค่อยๆ ลดเพราะในแม่น้ำสายน้ำยังคงแห้งและรองรับน้ำได้อีกมาก

ทางด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย โดยกรมการทหารช่าง กองทัพบก ได้ทำการก่อสร้างพนังกั้นริมแม่น้ำตั้งแต่ชุมชนหัวฝายเรื่อยลงมาเป็นระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.2568 เพื่อให้ไปถึงบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จวันที่ 15 มิ.ย.2568 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบปัญหาเพราะมีเจ้าของอาคารรายหนึ่ง ที่เช่าใช้ที่จากกรมธนารักษ์ย่านที่ติดกับตลาดสายลมจอย ไม่ยอมชี้จุดให้เจ้าหน้าที่รื้อถอนเพื่อจะทำพนังกั้นส่งผลทำให้การก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดอย่างมาก โดยเฉพาะจุดดังกล่าวกว้างเพียง 10-12 เมตรและตื้นเขิน ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงเจรจากับเจ้าของอาคารดังกล่าวเพื่อให้ยอมรื้อถอนและจะได้ทำพนังกั้นซึ่งมีทั้งแบบกึ่งถาวรและชั่วคราว เนื่องจากบริเวณตลาดสายลมจอยไปจนถึงบริเวณจุดผ่อนปรนสายลมจอยเป็นแนวที่แม่น้ำสายจุดแรกของประเทศไทยที่เคยถูกน้ำทะลักเข้าท่วมใหญ่เมื่อปี 2567 จนสร้างความเสียหายอย่างหนักมาแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่การเจรจาทำพนังกั้นน้ำกำลังดำเนินการอยู่ทางกรมการทหารช่างได้ขุดลอกแม่น้ำรวก ตั้งแต่เขต ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย ลงไปจนถึงสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ตามข้อตกลงไทย-เมียนมา โดยจะมีหน่วยงานทหารต่างๆ ให้การสนับสนุน ทั้งกองกำลังผาเมือง มณฑลทหารบกที่ 37 ฯลฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้สำรวจความลึกและกว้างของแม่น้ำ สภาพดิน ระยะห่างสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ แล้ว และจะเริ่มขุดลอกลอกเป็นช่วงๆ ช่วงละ 50-100 เมตร เพื่อลดความดันของน้ำและดิน ลดตลิ่งทรุดพร้อมมีระบบป้องกันชั่วคราวเป็นเสาเข็มไม้เส้นผ่านศูนย์กลาง 6-8 นิ้ว ตอกเป็นแนวชิดกันเพื่อไม่ให้ดินทะลักลงแม่น้ำเพิ่มเติมด้วย ขณะที่ฝ่ายเมียนมาจะขุดลอกตั้งแต่ต้นแม่น้ำไปจนถึงเขต ต.เกาะช้าง ของไทยต่อไปเพื่อให้ทันฤดูฝนปลายเดือน มิ.ย.2568 นี้เป็นต้นไป