ยอดขายรถยนต์ไทยไตรมาสแรกปี 2568 ลดลง 6.68% อีวีบุกตลาด-พิษสงครามการค้า

วันที่ 29 เมษายน 2568 นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมี.ค.68 มีทั้งสิ้น 129,909 คัน เพิ่มขึ้น 12.49% จากเดือน ก.พ.68  แต่ลดลง 6.06% จากเดือนมี.ค.67 เพราะผลิตส่งออกลดลง 9.36 % จากการผลิตรถยนต์นั่งลดลงถึง 51.18%  เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถบางรุ่นของรถยนต์นั่ง แต่ผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 35.01% เพราะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง BEV และ PHEV เพิ่มขึ้น แต่ผลิตรถกระบะลดลง 29.32% ตามยอดขายรถกระบะยังคงลดลง ส่งผลให้จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ใน 3 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.68) มีจำนวนทั้งสิ้น 352,499 คัน ลดลง 14.88% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทั้งนี้ในเดือนมี.ค.68 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 83,217 คัน เท่ากับ 64.06% ของยอดการผลิตทั้งหมดลดลง 9.36% จากเดือนมี.ค.67  ส่งผลให้ 3เดือนแรกของปีนี้ผลิตเพื่อส่งออกได้ 236,796 คัน ลดลง 13.48% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ มี.ค.68 ผลิตได้ 46,692 คัน เพิ่มขึ้น 0.36% จากเดือน มี.ค.67  ส่งผลให้ 3 เดือนแรกผลิตได้ 115,703 คัน ลดลง 17.62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมี.ค.68 มีจำนวนทั้งสิ้น 55,798 คัน เพิ่มขึ้น 13.15% จากเดือนก.พ. 68 และลดลง 0.54% จากมี.ค.67 จากรถกระบะที่ยังคงขายลดลง 7.84% เพราะการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังกังวลหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในอัตราต่ำ และค่าครองชีพสูง ส่งผลให้ 3 เดือนแรกปีนี้ รถยนต์มียอดขาย 153,193 คัน ลดลง 6.45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมี.ค.68 ส่งออกได้ 80,914 คัน ลดลง 0.50% จากเดือนที่แล้ว และลดลง14.91% จากมี.ค.67 เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และจากการเข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนของบางประเทศและการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกของจีนในบางประเทศคู่ค้า จึงส่งออกลดลงในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลางและอเมริกาใต้ อย่างไรก็ตามส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์และอะไหล่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น โดยมูลค่าการส่งออกรถยนต์เดือนมี.ค.68 อยู่ที่ 57,416.07 ล้านบาท ลดลง 15.47% จากมี.ค.67 ส่งผลให้ 3 เดือนแรกของปีนี้ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 220,139 คัน ลดลง 18.63% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนมีนาคม 2568  จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,905 คัน เพิ่มขึ้น 33.20% จากเดือนมี.ค.67 ส่งผลให้ 3 เดือนแรกของปีนี้มีจดทะเบียนใหม่สะสม 31,991 คัน เพิ่มขึ้น 7.66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 258,982 คัน เพิ่มขึ้น 60.51% จากปี 67

นอกจากนี้ต้องจับตาเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน และยังต้องรอนโยบายสหรัฐที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36% ใน 90 วัน รวมถึงประเทศอื่นๆอีก ซึ่งแต่ละประเทศอัตราไม่เท่ากันจึงต้องดูว่าเราเสีย 36% จริงหรือไม่ เพราะกลุ่มยานยนต์เสียภาษีเดิมอยู่ 25% และเพิ่มอีกเป็น 27.5% อีกทั้งรถจักรยานยนต์ไทยส่งไปสหรัฐถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 1 อาจจะต้องรอการเจรจาระหว่างกันอีกครั้งถึงจะสามารถสรุปยอดผลิตรถยนต์โดยรวมทั้งปีได้อีกครั้ง จากเดิมที่คาดการณ์กำลังการผลิต 1.5 ล้านคันต่อปี

โดยปีที่แล้วเราส่งออกทั้งหมด 3 แสนล้านดอลลาร์ ส่งไปสหรัฐ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นตลาดใหญ่สุดมีสัดส่วน 18% ดูว่าจากที่ตั้งกำแพงภาษีจะทำให้เราส่งออกลดน้อยลงหรือไม่ แต่จะหายไปแน่นอนคือรถยนต์ที่นั่งราว 3-4 หมื่นคันจากการเปลี่ยนรุ่นรถ ในขณะที่ชิ้นส่วนมียอดส่งออก 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ไปทั่วโลก ส่งไปสหรัฐ 1.5 พันล้านดอลลาร์ 

#ยอดขายรถยนต์ #ข่าววันนี้ #อีวี #สงครามการค้า #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์