เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 29 เม.ย.2568 ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการแก้ปัญหาภาษีสหรัฐอเมริกา ขอให้ขยายความว่าจะร่วมมืออย่างไรกับอาเซียนว่า ล่าสุดที่ได้ไปคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ได้คุยนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียด้วย ซึ่งพูดคุยกันว่าจะเน้นในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ และทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้ว เป็นจุดขายของแต่ละประเทศมารวมพลังกัน เพื่อเป็นข้อต่อรองที่สำคัญ ซึ่งเรื่องของแต่ละประเทศ ทุกคนก็ทำประเทศของตัวเองไป แต่ในกลุ่มของอาเซียน เราจะมีการรวบรวมว่าเรามีอะไรที่เป็นจุดพิเศษสำหรับกลุ่มอาเซียนที่เราจะร่วมมือกันเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ ได้ ซึ่งเมื่อเรารวมกลุ่มอาเซียนก็จะมีประชากรเยอะขึ้น และเราก็สามารถเป็นน้ำหนักที่มากขึ้นในการต่อรองกับสหรัฐฯ ทั้งนี้จะมีการประชุมกันนอกรอบอีก ซึ่งไทยและกัมพูชาจะมีการจัดการประชุมร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ระหว่าง 2 ประเทศที่จังหวัดสระแก้วด้วย

เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเงื่อนใหม่เป็นคดีที่ไทยฟ้องนายพอล แซมเบอร์ส นักวิชาการ ที่สหรัฐฯจะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาในการเจรจาครั้งนี้ นายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศก็ดำเนินการไป รวมถึงกระทรวงพาณิชย์ ทั้งหมดจะเป็นการเจรจาเป็นภาพรวม อะไรที่เกี่ยวข้อง ก็คุยหมดไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ 

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเรื่องวันในการไปเจรจากับสหรัฐฯ แล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า เรื่องวันยังไม่ได้มีการระบุออกมา แต่เราคุยกันเรื่องกรอบของอาเซียนที่จะร่วมมือกัน ซึ่งเรามาดูกันว่าเรื่องความเร็วมันไม่ใช่ประเด็น แต่เป็นเรื่องของความแม่นยำ ซึ่งเรื่องที่เราคุยกันก็ได้กลับมาพิจารณาในข้อมูลให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ตรงนี้เป็นความแม่นยำที่เราจะไปเจรจากับสหรัฐว่า มีอะไรที่ทำเพิ่มได้ก็คุยกัน ซึ่งกระทรวงการคลังก็คุยอยู่ต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า ล่าสุดมีการบิดเบือนว่าการที่สหรัฐฯ เลื่อนการเจรจากับไทย เป็นเพราะไม่ต้องการเจรจากับทางการไทย นายกฯ ย้อนถามว่า “อันนี้เอามาจากไหน ข่าว ” พร้อมกล่าวต่อว่า เป็นข่าวลือใช่ไหม จริงๆ ถ้าเป็นข่าวลือในประเทศตนไม่อยากให้ลืออะไรแบบนี้ เพราะเรากับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอดระยะเวลายาวนาน การจะลือเพื่อเล่นประเด็นทางการเมือง มันไม่ควร เพราะจริงๆเราต้องผนึกกำลังกันไว้ ประเทศไทยทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ทำให้การเจรจาต่อรองของเราเข้มแข็ง ไม่ใช่มามัวแต่คิดถึงประเด็นการเมืองแล้วยิงกันเองก่อน แต่ในประเทศต้องแข็งแรงก่อน ก็ไม่อยากให้ปล่อยข่าวเรื่องแบบนี้

เมื่อถามว่า อยากให้มีการเจรจากับสหรัฐฯในยกแรกก่อน เพื่อเห็นความต้องการของสหรัฐฯ จะมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราคุยกันหลังไมค์อยู่แล้ว เรื่องความต้องการของสหรัฐฯ ต้องบอกว่า ก่อนที่จะมีการแถลงออกไมค์แบบนี้เราต้องคุยกันข้างหลังก่อน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบระหว่างประเทศ การแบ่งกลุ่มเพื่อทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้าที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ เป็นคนรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ก็ต้องคุยกันทุกแง่มุมมุมข้างหลังให้เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นไม่สามารถที่จะมีหัวข้อออกมาพูดได้ แต่เราก็ทำงานกันอยู่ตลอด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกันตลอด ไม่ได้หายไปไหน และติดต่อกับทางสหรัฐฯ ตลอด