วันที่ 29 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งวันที่ 30 เม.ย.นี้เวลา 13.00 น. ตามคำร้องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
ซึ่งนายชาญชัย เห็นว่าการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 มาตรา 89/2 (1) (2) และมาตรา 246 และไม่อาจอ้างกฎกระทรวง เรื่องการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 25 กันยายน 2563 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 55 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 เพราะขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ทั้งนี้ แนวทางที่จะออกมาในวันที่ 30 เม.ย.นี้ หากในกรณีที่ศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้องเอาไว้ไต่สวน คำร้องดังกล่าวจะตกไป แต่หากศาลฯรับคำร้องเอาไว้ไต่สวน ตามหลักการแล้วหากให้รับไต่สวน ก็จะมีการเปลี่ยนคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดใหม่ โดยคัดเลือกจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสียงข้างมากที่เห็นควรรับไว้ไต่สวน
อย่างไรก็ตาม หากศาลฯรับคำร้องเอาไว้ไต่สวน จะทำให้ทางด้านนายทักษิณ เอง ต้องลุ้นว่าจะต้องกลับเข้าเรือนจำหรือไม่ เมื่อการพิจารณาของศาลฎีกาฯ เสร็จสิ้นลงต่อมา นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ถูกตั้งข้อสังเกต เรื่องของการนับโทษ โดยเคยมีการนำคดีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ในปี 2564 มาเทียบเคียงซึ่งศาลฎีกาให้นับโทษนายจตุพรต่อในคดีที่ถูก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท จนนายจตุพรต้องกลับไปเข้าคุกอีก 11 เดือน 16 วัน แม้จะเคยมีคำสั่งให้ปล่อยตัวออกมาแล้ว