วันที่ 28 เม.ย.68 ที่ศาลากลาง จ.เชียงราย อ.เมืองเชียงราย ตัวแทนชาวนาในพื้นที่ จ.เชียงราย นำโดย นายสุกิจ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน จ.เชียงราย นายเกษม วงค์สุภา รองประธานสภาเกษตรกร จ.เชียงราย นายธีธวัช คำเงิน อดีตประธานสภาเกษตรกร จ.เชียงราย พร้อมชาวนาใน จ.เชียงราย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เพื่อขอให้แจ้งไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการผลักดันให้ข้าวจ้าวนาปรัง ขายได้ในราคาตันละ 8,000 บาท และข้าวเหนียวให้ได้ตันละ 10,000 บาท
ทั้งนี้ชาวนา จ.เชียงราย เคยยื่นหนังสือเรียกร้องในลักษณะเดียวกันต่อผู้ว่าราชการจังหวัดมาแล้ว เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา แต่เรื่องเงียบไปจนไปยื่นหนังสือซ้ำอีกครั้ง โดยครั้งนี้มีการเขียนป้ายข้อความต่างๆ เช่น ราคาข้าวถูกกว่ามาม่า,เลือกเข้ามาผิดคนชาวนาเป็นหนี้ ฯลฯ
นายสุกิจ กล่าวว่า ชาวนาเชียงรายปลูกข้าวจ้าวนาปรังรวมกันกว่า 470,000 ไร่ และถ้าเป็นข้าวนาปี มีนับล้านไร่ แต่ปรากฏว่าราคาข้าวจ้าวนาปรังตกต่ำลงไปเหลือเพียงตันละ 5,100 บาท ส่วนข้าวเหนียวเหลือเพียงตัน 7,000 บาท ขณะที่ต้นทุนชาวนามีมากกว่า 7,400 บาท จึงอยากให้รัฐบาลได้มีมาตรการใดๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรด้วย โดยตนแม้จะเป็นกำนันและเจ้าหน้าที่รัฐก็จำเป็นต้องออกมาร่วมกับชาวนาเพราะกำนันคนอื่นๆ ถูกขอไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวกันหมด ทั้งนี้อยากให้ช่วยเหลือชาวนาอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าถึงปลายเดือน พ.ค.ข้าวนาปรังก็จะเก็บเกี่ยวหมดแล้ว
ด้าน นายเกษม กล่าวว่า รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณช่วยเหลือชาวนาไม่เช่นนั้นชาวนาคงเดือดร้อนหนัก ทั้งนี้นอกจากเรื่องข้าวแล้วก่อนหน้านี้มีเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราไปยื่นหนังสือและในวันที่ 13 พ.ค.นี้ ก็จะมีเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้ช่วยเหลือเรื่องราคาซื้อขายวัวด้วย
ทางด้าน นายธีธวัช กล่าวว่า ปัจจุบันมีพ่อค้าเพียงแค่ 2-3 ราย ผูกขาดการรับซื้อข้าวในพื้นที่ทำให้มีการกดราคาให้ต่ำลง ดังนั้นตนขอเสนอให้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตั้งลานรับซื้อเพื่อเปิดให้พ่อค้านอกพื้นที่ไปรับซื้อ ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันการรซื้อและจะช่วยกระตุ้นให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยอาจจะเปิดในพื้นที่อำเภอสำคัญๆ 2-3 แห่ง
เวลาต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์ จ.เชียงราย ได้เข้ารับหนังสือจากชาวนาพร้อมแจ้งว่า กลไกลตลาดข้าวมีนอกเหนืออำนาจของระดับจังหวัดจะทำได้ จึงจะนำเสนอไปยังรัฐบาล ตามที่ชาวนาได้ยื่นหนังสือต่อไป
ขณะที่พาณิชย์ จ.เชียงราย แจ้งว่า โรงสีในพื้นที่ จ.เชียงราย มีเป็นจำนวนมากการเปิดลานรับซื้ออาจจะกระทบกับกลไกลภายนอกได้ นอกจากนี้บรรดาโรงสีต่างๆ ก็รับปากจะรับซื้อในราคาที่ยุติธรรม
ดังนั้นจะมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปดูแลเรื่องการรับซื้อและตาชั่งจึงจะเป็นวิธีที่ดีกว่า กระนั้นทางผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย รับจะนำเรื่องไปพิจารณาทำให้ชาวนาแยกย้ายกันกลับ


