ผู้ถือหุ้น บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดปี 67 เป็นเงินสดในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.04 บาท/หุ้น จึงเหลือจ่ายงวดล่าสุดในอัตรา 0.04 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 2 พ.ค.68 จ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พ.ค.68 ฟากบิ๊กบอส "สมพล ธนาดำรงศักดิ์" ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% แตะระดับ 3,000 ล้านบาท ทำออลไทม์ไฮ เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตรับออเดอร์ทะลัก โดยเฉพาะจากลูกค้าในอินเดียและไทย

วันที่ 28 เมษายน 2568 นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 25 เมษายน 2568 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 30 มิถุนายน 2567 ในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น ดังนั้น จึงเหลืองวดดำเนินงานวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 อีก 0.04 บาทต่อหุ้น กำหนดวันขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2568

สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ที่ระดับ 3,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากปี2567 ซึ่งมีการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ พร้อมกับปรับปรุงระบบการจัดการภายในทั้งหมด รวมถึงระบบ ERP เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจของบริษัทลูกในประเทศอินเดีย 2 แห่ง มีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้ง บริษัท เอฟพีไอ ออโต้ พาร์ท อินเดีย และ บริษัท อาร์บีเอส พลาสติก อินโนเวชั่น จำกัด ที่มีคำสั่งซื้อ OEM จากลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ขณะที่ลูกค้าในประเทศไทยก็มีแนวโน้มการเติบโตในทิศทางที่ดีเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ล่าสุดบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปี

ขณะเดียวกัน ในปี 2568 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดการณ์ปริมาณการผลิตรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 1.50 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.1% และสำหรับตลาดอะไหล่ทดแทนจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากรถยนต์สะสมทั่วโลกในปี 2024 มียอดสูงถึง 2,140 ล้านคัน ทำให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สำหรับชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นและเกาหลี นอกจากนี้ปัญหาสงครามการค้าจากสหรัฐอเมริกา และจีน จะทำให้ยอดลูกค้าอเมริกาหันมาซื้อสินค้าในประเทศอาเซียนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลประโยชน์กับบริษัทฯในอนาคต