จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง นำคลิปวิดีโอมีชาย 3 คนมากับรถกระบะตู้ทึบ สีขาว ซึ่งจากวิดีโอดังกล่าวจะเห็นมีชาย 2 คนลงมา มีท่าทีคล้ายกับว่าจะอุ้มเด็กชาย 2 คนที่ปั่นจักรยานเล่นอยู่ ซึ่งขณะนั้นได้มีรถกระบะขับผ่านมา ชายทั้ง 2 คนจึงรีบปล่อยเด็ก ก่อนขึ้นรถกลับไปล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ อบต.ปากข้าวสาร จ.สระบุรี ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบรถกระบะตู้ทึบ สีขาว ทะเบียนสุพรรณบุรี ขับออกจากหมู่บ้านชมชนหลังเกษมราษฎร์ เวลา 15.18 น. ซึ่งยังไม่เห็นว่ารถคนร้ายเข้ามาในหมู่บ้านเวลาใด จะดำเนินการตรวจสอบวงจรปิดเทศบาลวันเวลาทำการต่อไป จากการสอบถามเด็กชายหนึ่งใน 2 คนที่อยู่ในกล้องวงจรปิด กล่าวว่า ขณะที่กำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่กับเพื่อนนั้น ได้มีชายคนขับรถลดกระจกลงและถามว่าที่นี่มีหัวเด็กขายไหม จึงตอบไปว่ามีแต่หัวหมา ชายทั้ง 2 คนจึงลงมาและทำท่าวิ่งไล่และจับตัว ซึ่งระหว่างนั้นได้มีรถกระบะขับมาพอดี ชายทั้ง2 คนจึงได้รีบขึ้นรถขับออกไป

จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถคันดังกล่าว พบว่ามี น.ส.อรณิชา (ขอสงวนนามสกุล) เป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่ ตำรวจจึงได้ติดต่อไปที่ นายสุชล (ขอสงวนนามสกุล) สามีของ น.ส.อรณิชา ก็ได้รับการเปิดเผยว่า ตนและแฟนสาวทำธุรกิจรถตู้ทึบ ส่งของเล่นและขนมตามร้านค้าใน จ.สระบุรี และ จ.นครราชสีมา โดยรถยนต์ตู้ทึบ ทะเบียนสุพรรณบุรี มี นายณัฐวุฒิ เป็นผู้ขับขี่ และมี น.ส.แพรชมพู กับ นายสุพล เป็นเด็กรถ ซึ่งตามภาพ กล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 26 เม.ย.68 นายณัฐวุฒิ ได้ขับมาส่งขนม และเก็บเงินค่าของที่ร้านค้าบริเวณดังกล่าว โดยจะมาที่ร้านทุกเดือน และได้พูดหยอกล้อเล่นกับเด็กที่อยู่บริเวณดังกล่าว และไม่มีเจตนาจะอุ้มเด็กตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด และจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่า ร้านค้าบริเวณดังกล่าวคือร้านของป้าน้อย จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบ พบนางอังรักคณา เจ้าของร้าน แจ้งว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายณัฐวุฒิ ได้มาเก็บเงินค่าของที่ร้านจริง และได้หยอกล้อเล่นกับกลุ่มเด็กๆ ที่อยู่บริเวณร้านค้า

ล่าสุด วันที่ 28 เม.ย.68 นายสุชล และน.ส.อรณิชา ผู้ครอบครองรถกระบะตู้ทึบ ทะเบียนสุพรรณบุรี ได้พาตัวนายณัฐวุฒิ หรือบอล อายุ 19 ปีเป็นผู้ขับขี่ และมี น.ส.แพรชมพู หรือมิ้ง อายุ 37 ปี กับ นายสุพล หรือกัน อายุ 15 ปี เป็นเด็กรถ เข้าพบ พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาน ผกก.สภ.เมืองสระบุรี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในกรณีที่มีกระแสสังคมกล่าหาว่าพวกตนเองเป็นแก็งค์ลักพาตัวเด็ก และขอโทษต่อสังคม

โดยนายณัฐวุฒิ เล่าว่า วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนเองขับรถเข้ามา และเห็นเด็กกลุ่มนี้กำลังเล่นกันอยู่ ตนจึงได้เปิดกระจกถามไปว่า “น้องมีหัวเด็กขายไหม มีแขนเด็กขายไหม” ในอารมณ์ที่จะแกล้งเด็กเล่น ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตนเองจะเป็นคนชอบแกล้งเด็กตามร้านค้าที่ตนเองเข้าไปส่งของ ไม่ว่าจะไปที่จังหวัดไหนตนเองก็จะแกล้งเด็กๆ คือแหย่เล่นกับเด็ก เป็นตามปกติของตนเอง เป็นอุปนิสัยของตนเอง และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และเมื่อตนเองเห็นว่าเป็นข่าวตนเองก็ตกใจ ส่วนภาพที่ออกไปว่าตนเองเป็นรถจับเด็กนั้น ตนเองคิดว่าก็ไม่สามารถห้ามความคิดใครได้เนื่องจากว่าภาพมันฟ้อง ซึ่งตนเองก็เห็นว่าในคลิปว่าตนเองเปิดประตูไปก็วิ่งชาร์ตเด็กเลย และยังถามว่าคนไหนดื้อ แต่ที่ตนเองเข้าไปจับเด็กทั้ง 2 คนนั้นตนเองมองว่าเด็ก 2 คนนี้น่าจะแสบกว่าเด็กอีกคน คือถ้าดูจากคลิปก็จะเห็นว่าเด็กทั้ง 2 คนได้วิ่งหนี แต่ก็กลับมาไล่ตนเองต่ออีก ในลักษณะที่วิ่งหนี และวิ่งกลับมาไล่ตนเองต่ออีก ส่วนจังหวะที่ว่ามีรถกระบะเข้ามาตนเองเห็นว่ารถนั้นขวางทางรถ และตนเองก็ไม่ไหวแล้ว (เหนื่อย) จึงได้แยกกันออกมา เพราะว่าคิดว่าแวะเล่นกับเด็กแค่แป๊บๆ ส่วนเด็กที่มีบาดแผลเป็นรอยข่วนที่แขน น่าจะเกิดจากว่าตนเองมีเล็บที่ยาวอาจจะไปขูดแขนเด็กได้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าไปโดนแขนน้องตอนไหน หรือเป็นตอนที่ตนเองอุ้มน้องแล้วน้องได้ดิ้นก็อาจจะเป็นไปได้

ด้านนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวเสริมว่า โดยตนเองอยากจะขอโทษทุกๆคน ที่ตนเองทำให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่ารถของตนเองเป็นรถลักพาตัวเด็ก อยากขอโทษที่ทำให้ตกใจกันผวากันไปทั้งประเทศเลย (พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ)

ทางด้าน น.ส.อรณิชา เจ้าของรถกระบะตู้ทึบ เผยว่า รถกระบะตู้ทึบของตนเองเป็นรถที่ส่งของประเภทขนมแผง ที่แขวนตมร้านค้า โดยจะส่งไปทั่งประเทศ ซึ่งสินค้าก็จะลงก่อน และอีก 30 วันจึงได้วนมาเก็บเงิน และในวันนี้ได้พาลูกน้องที่ขับกระบะตู้ทึบมาเพื่อต้องการที่จะบอกแม่ของเด็ก และญาติๆ ว่าลูกน้องของตนเองอายุยังน้อย วุฒิภาวะก็ยังน้อย และที่ทำลงไปก็ไม่มีเจตนาอย่างที่ทุกคนคิด แต่ภาพที่มันออกมาแบบนั้น ก็สามารถทำให้ทุกคนคิดได้ว่า เป็นรถตู้จับเด็กหรือเปล่า วันนี้ก็เลยพาน้องๆมา เพื่อที่จะมาบอกว่าเราไม่มีเจตนาที่ว่าจะลักพาตัวเด็ก และจะพาลูกน้องมาขอโทษพ่อแม่ และญาติของเด็ก

พ.ต.อ.สุริยะ สุดกังวาล ผกก.สภ.เมืองสระบุรี เผยว่า อยากฝากถึงสื่อโซเชียลนั้นมีประโยชน์ ซึ่งถ้าตนเองเป็นผู้ปกครองของเด็กๆที่คนขับรถกระบะลงไปเล่นในลักษณะนี้ตนเงกก็จะต้องวิตกกังวล และจะต้องพยายามให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบให้ได้ว่ามีเหตุการเกิดขึ้นจริงไหม ถ้าอย่างนั้นก็จะไม่กล้าปล่อยลูกๆออกมาวิ่งเล่น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบจนทราบทะเบียนรถจึงได้ติดต่อไปยังผู้ครอบครอง ซึ่งก็ได้รับแจ้งมาว่าเป็นรถส่งของ ซึ่งทางเจ้าของรถก็ยินดีที่จะมาพบพร้อมชี้แจงด้วยตนเอง