ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“มนุษย์เรามีศักยภาพแห่งความหมายเฉพาะตัว..ด้วยกันทุกคน..เป็นความหมายที่ยิ่งใหญ่ในเนื้อในของชีวิต ที่ยึดโยงกันอยู่ทั้งด้วยพฤติกรรมโดยทั่วไปแห่งกายและทั้งด้วยสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่กับเงื่อนไขของจิตใจ..ทั้งหมดเป็นรายละเอียด ที่ฝังแน่นอยู่กับโครงสร้างของความเป็นชีวิตในทุกผู้ทุกคน..ยิ่งถ้ามีการสังเกตและใส่ใจ.. “การปล่อยให้แต่ละคนได้มีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ต้องมีการควบคุมใดๆ” ..จึงเท่ากับเป็นตัวบทของทฤษฎีชีวิต..ที่จำเป็นต้องเข้าใจ ใส่ใจ และเรียนรู้ ให้ประจักษ์และกระจ่างชัด...เป็นอำนาจแห่งการขับเคลื่อน..ที่จักทำให้ตัวตนของเราทุกๆคน เปี่ยมเต็มไปด้วยพลังงานของการมีชีวิตอยู่ อย่างสุขสมบูรณ์..ในที่สุด”
ปฐมบทแห่งความคิดเบื้องต้นคือนัยสำคัญจาก “THE LET THEM THEORY” (ทฤษฎีปล่อยเขา)..ผลงานสร้างสรรค์ของ “เมล รอบบินส์” (Mel Robbins )..นักเขียน และ พิธีกรรายการพอดเเคส ชาวอเมริกา..ผู้เขียนหนังสือทรงคุณค่าต่อการตระหนักรู้ต่อการดำรงชีวิตอย่างมีทิศทางที่จะก้าวย่างต่อไปข้างหน้า..อย่างมั่นคง..ในแนวทาง จิตวิทยา..เน้นการปล่อยวางในการเข้าไปควบคุมหรือบังคับการกระทำทั้งในด้านพฤติกรรมและความคิดของผู้อื่น ด้วยหลักการ “Let Them” ..เพื่อการยอมรับในตัวตนของผู้อื่น..และ “Let Me”..เพื่อมุ่งเน้นในการพัฒนาตนเอง..
หลักการดังกล่าวนี้ ช่วยลดของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ความสัมพันธ์ หรือการเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้ผู้อ่านจะได้สามารถค้นพบเส้นทางสู่ความสุขสงบ..ตลอดจนความสมดุลในชีวิต...และนี่จึงคือ..เครื่องมือเปลี่ยนแปลงชีวิต ที่ผู้คนนับล้าน ..หยุดพูดถึงไม่ได้เลย.. “เราไม่ได้มีหน้าที่ ที่ต้องไปพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง ให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา..ปล่อยเขาไป..”
..นัยของคำว่า “Let Them” ..ถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อ “Mel Robbins”..ได้เขียนหนังสือ “The Let Them Theory : A Life Changing Tool That Million People Can't Help” นี้ ..โดยเธอได้อธิบายถึง ความคิดและภาพโดยรวมว่า..นี่เป็นคู่มือแห่ง “Step -by-Step” เกี่ยวกับวิธีหยุดวงจร ที่เอาความคิดเห็นเรื่อง “Drama” และ การตัดสินของคนอื่น มาส่งผลต่อชีวิตของเรา ซึ่งมันก็จะทำให้เราได้เป็นอิสระจากวัฏจักรที่เหนื่อยล้า ของการพยายามจัดการกับทุกสิ่งทุกอย่าง และ ทุกคนที่อยู่รอบตัว..!
“รอบบินส์” ยังได้กล่าวอีกว่า..เราเสียเวลาและพลังงานไปมากเหลือเกิน กับการบังคับให้คนอื่น ทำตามความคาดหวังของตน “เราสมควรที่จะต้องปล่อย ให้เขาเป็นตัวของตัวเองไปเลย..เพราะพวกเขาจะเปิดเผยอะไรต่างๆออกมาเอง..ว่าเขาเป็นคนแบบไหน?..ปล่อยให้พวกเขาทำไป..ปล่อยให้พวกเขาทำไปเลย..คุณก็จะได้เลือกในสิ่งที่จะทำต่อไป..ได้ด้วยเช่นกัน..!
ทั้งนี้..เมื่อเขารู้ว่า..อีกฝ่ายเป็นอย่างไรหรือคิดแบบไหน?..เกี่ยวกับตัวเรา มันก็อาจจะทำให้เราเลือกทางเดินที่สามารถ ใช้กับเราได้ด้วย..เช่นกัน!”
เจตจำนงแห่งข้อคิด..ของหนังสือเล่มนี้..คือความแหลมคมทางวิจารณญาณของ “รอบบินส์” ที่น่าเรียนรู้และจดจำยิ่ง..มันคือวิถีปฏิบัติ..อันน่าใคร่ครวญต่อยุคสมัย..ในหลายๆประการ!
..*เราไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ ต่อความสุขของคนอื่น..เหตุนี้จงปล่อยมันไป/*..เราไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อการเข้าไปแก้ปัญหาของคนอื่น..ดังนั้น จงปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาไป/*เราไม่ได้มีหน้าที่..ที่จะต้องเข้าไปรับผิดชอบ ความคาดหวังของคนอื่น..จึงควรปล่อยให้เขาผิดหวังไป/*เราไม่มีหน้าที่ที่จะอธิบายชีวิตของเรา..เพราะฉะนั้น จึงสมควรที่เราจะเลือกเป็นและทำ..โดยปลอยให้พวกเขาสงสัยกันต่อไป../*
*..เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปจัดการอารมณ์ให้คนอื่น จงปล่อยให้เขารู้สึกอย่างที่เขารู้สึก../*..เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง ให้กับคนอื่นที่เขามองไม่เห็นค่าเรา..จงปล่อยเขาไป../*เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องอธิบายในทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว..จงปล่อยเขาไป/และสุดท้าย..เราไม่ได้มีหน้าที่จะต้องรับผิดชอบต่อการคอยช่วยเหลือคนอื่น จากปัญหาของเขา..ปล่อยให้เขาเรียนรู้..ชีวิตเอง...!*
ในภาพรวม.. “Let Them Theory”..แสดงถึงว่า เราไม่สามารถควบคุมความคิดและการกระทำของคนอื่นได้..และเมื่อเราพูดว่า “Let Them” เราเท่ากับยอมรับว่า ..เราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดและการกระทำของผู้อื่นได้ ..รวมทั้งเรายังไม่สามารถโน้มน้าวให้เขามาทำตามความคิดหวังของเราได้..
..ทัศนะของ ดร. “Terri Orbuch”..นักบำบัดและศาสตราจารย์จาก มหาวิทยาลัย “โอคแลนด์” ได้กล่าวเอาไว้ว่า.. “นี่เป็นวิธีที่ชวนให้เราทวนถามตัวเองว่า..อะไรคือสิ่งที่เราควบคุมได้หรือไม่ได้..? เช่นถ้าเราโดนใส่ร้ายป้ายสี โดยเรื่องนั้นไม่ได้เป็นเรื่องจริง ครั้นเมื่อเราได้อธิบายแล้ว..แต่คนกลับไม่เชื่อ...นั่นแปลว่า เราไม่สามารถควบคุมความคิดเขาได้..ซึ่งการเชื่อใจแบบ “Let Them” คือการยอมปล่อยให้เขาเชื่อในแบบนั้น_ เพราะเรารู้ตัวเองอยู่แล้วว่า.. “ตัวเราเป็นอย่างไร!”
ส่วน..ในทัศนะมุมมองของ “รอบบินส์” ..เธอได้เคยให้สัมภาษณ์กับ “Wondermind” เอาไว้ว่า.. “มีนักจิตวิทยาอยู่หลายคน..ที่ได้บอกกับเราว่า..เมื่อใดก็ตามที่เราพยายามจะควบคุมบางสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้..เราจะยิ่งเครียด หงุดหงิด และวิ ตกกังวล..ในช่วง 54 ปีแรกของชีวิต ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้..ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการพยายามควบคุมคนอื่น..แม้จะเป็นในเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้น..อย่าง รถติด..ยืนต่อแถวยาวไป..หรือกับกรณีที่ใครบางคนแสดงความหยาบคายออกมา..เหล่านี้มันทำให้ฉันหมดพลัง..เพราะเหตุที่ว่า ในความจริง เราไม่สามารถที่จะควบคุมแถวที่ยาวให้สั้นลง..หรือรถติดแล้วให้หายรถติด ..ได้เพียงแค่การกระดิกนิ้ว..หรือเปลี่ยนให้คนที่หยาบคายกลายเป็นคนที่อ่อนหวานได้..ในพริบตา..”
ในมิติ..ด้านจิตวิทยา “Let Them” รากฐานมาจากหลัก “Cognitive Behavioural Therapy” ( CBT)..หรือการบำบัดจิต โดยการปรับความคิด..ซึ่ง ดร.Jade Thomas ได้อธิบายกับทาง “Woman's Health” เอาไว้ว่า.. “ในงานส่วนใหญ่ของฉัน ฉันพบว่า สิ่งที่ทำให้เขาต้องเกิดความวิตกกังวล หรือความเครียดก็คือ..ตอนที่เรารู้สึก “ขาดการควบคุม” และน่าเสียดาย..ที่สิ่งหนึ่งซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้คือผู้อื่น.. “ในสิ่งที่เขา ทำ คิด หรือ พูด”..!
..ส่วนในมุมของ.. “Caitilin Slavens” ..นักจิตวิทยา..ก็ได้บอกกับ “Yahoo Life” ว่า.. “Let Them” ..ไม่ได้หมายถึงการต้องเป็นคนยอมคนไปเสียทุกอย่าง หรือจะต้อง “Let Them” แต่..ยังต้องเคารพในตัวเอง..ไม่ใช่ให้เขามาทรีตเราอย่างแย่ๆได้เลย..เพราะนี่ถือ เป็นการที่เราจะไม่รู้สึกว่า..เราต้องรับผิดชอบ ต่อการกระทำของผู้อื่น..และ..หากเราเลือกจะทำแบบนั้น..หรือหากมีใครมาล้ำเส้นหรือปฏิบัติไม่ดี..คำว่า “Let Them” ก็จะหมายถึง การเข้าใจว่า สิ่งที่พวกเขาทำ มันก็กำลังสะท้อนตัวตนของพวกเขา..ไม่ใช่คุณ!”
ท้ายที่สุด..หนังสือเล่มนี้ก็ได้เน้นย้ำให้เราได้คิดถึงคุณค่า..ของคำสองคำที่สำคัญ “Let Them”.. “ปล่อยเขา”..ที่จะช่วยปลดปล่อยเราทุกคนให้เป็นอิสระได้ ...จากภาวะอันเป็นมายาคติต่างๆ..รวมทั้งการตัดสินใจของคนอื่น..ให้หลุดพ้นจากวงจรอันเหนื่อยล้าของชีวิต..นี่คือวิธีปฏิบัติสมัยใหม่..เพื่อให้เข้าถึงชีวิตของ..ทุกคนได้อย่างหนักแน่นและลึกซึ้ง..
“เขมลักขณ์ ดีประวัติ" แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างงดงามและเข้าใจ...มันจึ่งเป็นคุณค่าของการเรียนรู้..ที่ครอบคลุมและมีสีสันต่อปัญญาญาณอันพิสุทธิ์..!
“..ใครจะเป็นอย่างไร..ก็เป็นเรื่องของเขา..เรามีความสุขได้ด้วยการ “Let Them”..ยอมรับและปล่อยให้พวกเขา..ได้เป็นและได้ทำ..อย่างที่ต้องการ..!”