“ปานเทพ” พาพยานสำคัญ "อดีตข้าราชการ สตง." มอบหลักฐานดีเอสไอ เปิดโปงสาเหตุสร้างตึก สตง. ถล่ม

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 23 เม.ย.68 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย นายณรัฐนันทน์ วิภากรวิทย์ อดีตข้าราชการ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในฐานะพยานสำคัญ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อมอบพยานเอกสารและพยานวัตถุสำคัญ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างตึก สตง. แห่งใหม่ที่พังถล่ม

ทั้งนี้นายปานเทพ กล่าวว่า สำหรับกรณีโครงการก่อสร้างตึก สตง.ถล่ม ต้องมองในหลายประเด็น จะพิจารณาเรื่องนอมินีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ โดยมีการพยายามจะโยนความผิดไปให้ผู้ออกแบบคนเดียว แต่คิดว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นจากผู้ออกแบบคนเดียว หรือบริษัทกลุ่มเดียวเท่านั้น แต่อาจถูกยึดโยงไปเรื่องอื่นด้วย เนื่องจากกระบวนการหลังการออกแบบแล้วนั้น ต้องคัดเลือกเลือกผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน และการก่อสร้าง รวมทั้งระหว่างก่อสร้างมีการแก้ไขแบบหลายครั้ง ซึ่งอาจกระทบต่อโครงสร้าง อีกทั้งยังมีเรื่องการปลอมลายเซ็นวิศวกร ว่าอาจได้รับการอนุมัติหรือไม่ และที่สำคัญสุดท้าย ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการในส่วนของผู้แทน สตง. นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการตั้งงบประมาณที่มีการเสนอราคาเกินกว่าในท้องตลาด ดังนั้น ทั้งหมดนี้เป็นระบบใหญ่ที่ต้องพิจารณา ไม่ใช่โยนแพะให้คนใดคนหนึ่ง หรือบริษัทใดบริษัทหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะมีส่วนร่วมกันหลายระบบหลายคน

“วันนี้ได้พาพยานซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ สตง. มีความใกล้ชิดกับผู้บริหาร สตง. โดยมอบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและคลิปเสียง บันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2565 เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก โดยพยานรายนี้ดีเอสไอ อยากให้เข้าพบเพื่อรับฟังข้อมูลเนื่องจากรู้เห็นกระบวนการต่างๆ

"ยังมีข้าราชการ สตง. ทั้งอดีตและปัจจุบัน หลายท่าน ได้ส่งข้อมูลมาให้ที่ส่อไปในทางไม่สุจริต รวมทั้งบันทึกรายงานการประชุมบางส่วน เช่น มีการเสนอไม่ต้องห่วงในเรื่องค่าการออกแบบเพราะมีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเป็นผู้ออกแบบให้ แล้วกรรมการได้หลงเชื่อ แต่สุดท้ายได้ยอมเสียค่าใช้จ่ายว่าจ้างเอกชนเป็นผู้ออกแบบ รวมทั้ง ย้ายจากสถานที่เดิมมาเช่าที่ดินการรถไฟฯ โดยหลักฐานเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงปี 2565”

ด้าน นายณรัฐนันทน์ กล่าวว่า รายละเอียดได้มอบให้ อ.ปานเทพ และบ้านพระอาทิตย์ ไปทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของ สตง. ที่เป็นข้าราชการน้ำดี อยากให้ออกมาให้ข้อเท็จจริง เช่น ราคากลาง และอื่นๆ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร 
“ตนยังได้รับทราบเรื่องราวตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง ผู้ควบคุมงาน ส่วนกรณีใดที่ส่อไปในทางทุจริตที่ตนได้ไปดำเนินเรื่องเอง ยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่ตนได้ไปดำเนินการเอง โดยมันมีหลายเรื่องที่ตนอยู่ในเหตุการณ์เลย รวมทั้งมีคลิปวิดีโอที่มีพฤติการณ์ส่อในทางไม่สุจริต และยังรวมถึงในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย ผมทำงานที่ สตง. มา 18 ปี แต่เห็นความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ลาออกเมื่อ ก.ย. 2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ สาเหตุที่ออกเนื่องจากโดนกลั่นแกล้ง เพราะอาจไปรู้ความลับมากเกินไป และในวันนี้เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีคนเสียชีวิต คนเหล่านั้นควรได้รับความยุติธรรม ผู้บริหารหรือใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องควรจะมีส่วนรับผิดชอบ”