วันที่ 23 เม.ย.68 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุข้อความว่า...
ภาวะจังงัง ส่ออาการตกตะลึงอำนาจอุ๊งอิ๊ง ถึงกับปลอบใจด้วยคำพระ “อนิจจัง”หลบหลีกแรงกดดัน “ปรับ ครม.” เชื่อ “ประวิตร” เข็ดแล้วจำ เลือกรักษาศักดิ์ศรีอันน้อยนิดไว้ติดตัวยามวัยชราดีกว่าถูกดึงหูเข้าร่วมรัฐบาล
เมื่อ 22 เม.ย. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยไม่เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเข้าร่วมรัฐบาล ถ้านายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ปรับ ครม.และเขี่ยทิ้งพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาล
“ถ้า พล.อ.ประวิตร เข้าร่วมรัฐบาลจะไม่เป็นผู้เป็นคน ไร้เกียรติศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่อันน้อยนิดทันที สิ่งสำคัญต้องไม่ลืมตอนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยถีบ พปชร ออกจากรัฐบาลหลังโหวตให้เป็นนายกฯ แล้ว ดังนั้นมั่นใจว่า พล.อ.ประวิตร ไม่กล้าให้ถูกดึงหูไปเข้าร่วมรัฐบาลได้ง่ายๆ”
อีกทั้งกล่าวว่า นายกฯ ยกคำพระมาพูดถึงภาวะความอนิจจัง (ไม่เที่ยง ไม่แน่นอน ไม่มั่นคง) กับการปรับ ครม. และจับมือกับฝ่ายทำรัฐประหาร ทั้งที่เคยประกาศหาเสียงไม่จับมือด้วย แต่มาบอกว่าเสียงไม่ถึงตั้งรัฐบาลจึงต้องมาจับ โดยไม่ใส่ใจการตระบัดสัตย์สัญญากับประชาชน
“การพูดแบบนี้เป็นความหน้าด้านทางการเมือง แล้วทำไมไม่ประกาศตอนหาเสียงให้ชัดเจนว่า ไม่จับมือกับฝ่ายรัฐประหารเว้นแต่ได่้เสียงไม่ถึงเสียเลย สิ่งสำคัญการพูดเช่นนี้คิดจะฆ่าตัวตายทางการเมืองเท่านั้นเอง ซึ่งคงเป็นภาวะความอนิจจังงังกับการตั้งอยู่ในสภาวะเดิมได้ยาก”
นายจตุพร ย้ำว่า พปชร.จะเข้าร่วมรัฐบาลจึงหาความเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าเข้าไปเท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง แล้วรัฐบาลจะอยู่ได้นานสักกี่วัน ยิ่งถ้าได้เป็นรัฐบาลแล้วต้องไปโหวตเห็นชอบกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตามที่ พปชร.ประกาศค้านอีก อย่างนี้คงหมดสิ้นศักดิ์ศรีอันน้อยนิดไปทันที
ส่วน ภท. จะถูกปรับออกหรือไม่นั้น การประเมินทางตัวเลขการเมือง ต้องไม่ยึดกับจำนวนเสียงของ ภท.ที่มีประมาณ 69 เสียงเท่านั้น และไม่ควรลืมว่า รัฐบาลยังต้องใช้เสียง สว.ผ่านกฎหมายสำคัญของรัฐบาลด้วย แต่เสียง สว.ประมาณ 2 ใน 3 จากจำนวน 200 เสียง เป็นมิตรที่แนบชิดกับ ภท. อย่างไรก็ตาม เสียงของพรรคยังมีค่าน้อยกว่าความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาล
“ถึงที่สุดแล้ว ถ้าปรับ ครม. โดยสูตรเขี่ย ภท.ออก แล้วจับมือกับ พปชร.เข้าร่วมจึงเป็นความยุ่งยากกันทั้งคู่ เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลจะอยู่ได้สักกี่วันกัน เพราะความชอบธรรมย่อมไม่มีเหลือหลออยู่เลย”
นายจตุพร ประเมินถึงการแถลงข่าวของนายกฯ ว่า นายกฯ และรัฐบาลมักพูดเอาแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ขาดความจริงใจ และไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ดังนั้น การพูดอะไรไว้ในวันนี้ ต่อไปในวันข้างหน้าก็เลี้ยววกกลับไม่สนใจคำพูดเดิมๆอีกเลย ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนไม่รักษาคำพูด
ส่วนรัฐบาลพยายามให้ สส.ชี้แจงประชาชนกรณีเอนเตอร์เทนเมนต์ึอมเพล็กซ์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ไปชี้แจงอะไรที่ไหน เห็นแต่บอกมีพื้นที่กาสิโน 10% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลมั่นใจควรเอาเข้าสภาและดันออกมาเป็นกฎหมายหรือออกเป็นพระราชกำหนดเลย ปัญหาคือกล้าหรือไม่ แล้วถ้ากล้าเลื่อนพิจารณาในสภาทำไม
"ถ้ารัฐบาลเล่นปลุกประชาชนอีกฝ่ายออกมาก่อม็อบเรียกร้องให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คงทำให้ประชาชนขัดแย้งกัน อาจนำไปสู่สาเหตุยึดอำนาจ ซึ่งถ้าคิดจะทำก็เป็นความคิดที่โง่มาก แล้วใครจะมาตายเพื่อสนับสนุนบ่อน แต่การยอมตายเพื่อหยุดบ่อน ซึ่งเชื่อว่ามี”
นายจตุพร กล่าวว่า การตื่นตัวของประชาชนในกรณีกาสิโนนั้นแรงมาก อย่างไรก็ตาม ประชาชนต้องนิ่ง รอดูอาการจังงังของรัฐบาลในหลายเรื่องทั้งการปรับ ครม. และที่สำคัญกรณีชั้น 14 ถ้าทักษิณ ชินวัตร รอดแล้ว แสดงว่ามีไฟเขียวจริง ประเทศก็หมดแล้ว ส่วนตนเองไม่เชื่อว่า มีไฟเขียว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การเคลื่อนไหวของ กสม.กรณีร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ยื่นศาลปกครองถอนคำสั่งรักษาตัวชั้น 14 และผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว จึงน่าจับตาอย่างยิ่งกับภาวะอนิจจังงังของทักษิณและรัฐบาลอุ๊งอิ๊งที่ไม่จีรัง
ประเทศไทยต้องมาก่อน