“นายกฯ” ขันน็อตสอบ "ตึก สตง. ถล่ม" สั่งเร่งหาสาเหตุ-แก้เกณฑ์เยียวยาให้ตรงความจริง ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับประกันภัย หวังฟื้นความเชื่อมั่นประชาชนต่อมาตรฐานก่อสร้างและการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ “ทวี”มั่นใจรัฐบาลจีนแทรกแซงคดีตึก สตง.ถล่ม ไม่ได้ หลัง “ชวนหลิง จาง” อ้างเป็นรัฐวิสาหกิจที่จีนส่งมาลงทุน ยันเงินเยียวยา 120 ล้านที่ช่วยเหลือ ไม่ส่งผลต่อคดี-ลดโทษ
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงข้อสั่งการ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่มในช่วงเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการสั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุและข้อเท็จจริงของตึก สตง. ถล่ม เพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดนั้น พบว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเท่าที่ควร นายกรัฐมนตรีจึงมีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนี้ 1. ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการส่งเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถสืบสวนถึงสาเหตุได้โดยเร็ว 2.ขอความร่วมมือกับ สตง. ในการส่งเอกสารทั้งหมด รวมถึงการรายงานผลจากคณะกรรมการตรวจสอบที่พบว่ามีผู้รับจ้างมีการผิดสัญญา แต่ไม่มีการยกเลิกสัญญาในเวลาที่กำหนดตั้งแต่เดือนม.ค.68 ที่ผ่านมา 3.ให้กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมทรัพยากรธรณี ส่งรายงานผลกระทบจากแผ่นดินไหวในบริเวณ กทม. ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยด่วน
4.ให้กรมบัญชีกลาง ซึ่งดูแลในเรื่องมาตรฐานในการจัดซื้อจัดจ้างและคุณภาพของวัสดุก่อสร้าง ร่วมมือในการตรวจสอบ โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง และอำนาจในการบอกเลิกสัญญากับบริษัทที่ทำผิดระเบียบ 5.ขอให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ร่วมตรวจรับการออกแบบการก่อสร้าง รวมทั้งตรวจรับงานในอาคาร สตง. ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการตรวจรับตึก สตง. ซึ่งที่ผ่านมาควรจะแยกออกจากกระบวนการสืบสวน 6.ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในการดำเนินการคดีเรื่องมาตรฐานของเหล็ก และคุณภาพของปูน ที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย และการฮั้วประมูลกับผู้ที่กระทำผิดอย่างเด็ดขาด
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความเสียหายนั้น นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า สำหรับมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับกระทบในที่อยู่อาศัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว จากกรณีที่มีข้อร้องเรียนว่าการเยียวยาค่าเสียหายตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลาง ยังไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนั้น จึงขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมบัญชีกลาง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไปเร่งหาแนวทางที่เป็นไปได้ในการปรับแก้ไขระเบียบหรือหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่น และสามารถจ่ายเงินเยียวยาให้สอดคล้องกับสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้ จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเงินประกันภัยที่ทางอาคารได้รับจากบริษัทประกันภัย เพื่อซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหายอยู่แล้ว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีนอนุมัติเงิน 120 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ จากเหตุตึก สตง. ถล่ม โดยจะประสานผ่านทางกระทรวงยุติธรรมว่า เป็นข้อมูลจากพนักงานสอบสวนในชั้นคำให้การ ไม่เกี่ยวกับคดีอาญา ก็ว่าไปตามกฏหมาย แต่เกี่ยวกับเรื่องมนุษยธรรมและความเสียหาย ซึ่งมีปรากฏไว้ในคำให้การว่าบริษัทจีนมีเจตนาช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ รวมถึงผู้เกี่ยวข้อง ส่วนขั้นตอนกฎหมายถ้าเขาประสงค์จะช่วยเหลือ ก็อาจจะทำร่วมกับ บริษัท อิตาเลียนไทยได้ จะได้ไม่เป็นภาระกับรัฐบาล แต่ถ้าต้องการให้ฝ่ายรัฐเข้าไปดูแลก็ต้องไปดูระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี หากรับเงินมาแล้วจะช่วยเหลืออย่างไร
ทั้งนี้ เบื้องต้นตนยังไม่ได้รับการประสานจากจีน เพียงแต่พนักงานสอบสวนขอบันทึกไว้ในคำให้การของผู้ต้องหา พร้อมยืนยันว่าเงินเยียวยาจะไม่มีผลในเรื่องการลดโทษ แต่เป็นเรื่องที่น่ายกย่องชื่นชม และรัฐบาลจีนคงได้มาปกป้องบริษัท แต่เขาก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ด้วย เพราะเสียภาพลักษณ์ของประเทศจีน อีกทั้ง ทราบว่ารัฐบาลจีนได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมตรวจสอบคนของเขาว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ รวมถึงสาเหตุของตึกถล่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชวนหลิง จาง กรรมการบริษัท ไชน่าฯ อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลจีนส่งมาลงทุนในไทย จะส่งผลอะไรหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับกฎหมายไทย กฎหมายของดีเอสไอ กรณีถือหุ้นแทนตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจบุคลต่างด้าว เราได้ผู้กระทำผิดที่เรากล่าวหาครบแล้ว โดยมีคนไทย 3 คน และคนจีน 1 คน คดีนี้เนื่องจากอัตราโทษไม่สูง แต่ต้องเร่งสอบสวนให้เสร็จภายใน 4 ผัด ซึ่งในทางปฏิบัติควรจะเสร็จภายใน 3 ผัด เพื่อให้เวลาอัยการพิจารณาอีก 1 ผัด ส่วนการค้นหาสาเหตุตึกถล่ม กรมสอบสวนคดีพิเศษและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทำคดีแยกออกจากกัน ระหว่างคดีตึกถล่ม และการจัดซื้อจัดจ้าง ฮั้วประมูลกับคดีนอมินี
พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีคดีที่เกี่ยวเนื่องคือ บริษัทเหล็ก ใช้ใบกำกับภาษีปลอม ซึ่งเกิดเหตุช่วงปี 59-60 ก็ต้องดูว่าหลังจากปี 60 มีการซื้อเหล็กจากบริษัทนี้หรือไม่ โดยเรื่องนี้ศาลฎีกาได้ตัดสินให้เป็นแนวทางไปแล้ว จึงได้กำชับพนักงานสอบสวน ทำงานให้รอบคอบ
เมื่อถามย้ำว่าการกล่าวอ้างถึงรัฐบาลจีน จะไม่สร้างความกดดันให้เจ้าหน้าที่ไทยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจีนหรือคนไทย ก็ต้องอำนวยความยุติธรรม อีกทั้ง รัฐบาลจีนพูดอยู่เสมอว่าเคารพกฎหมายไทย
เมื่อถามว่า มั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะไม่เข้ามาแทรกแซงคดีใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า สำหรับตนน่าจะแทรกแซงไม่ได้ เพราะเรายึดตามกฏหมาย และกระทรวงยุติธรรมเป็นกระทรวงเดียวที่ไม่มีอำนาจไปทำตามนโยบาย แต่เราทำภายใต้กรอบกฎหมาย
เมื่อถามอีกว่า 3 คนไทยที่เข้ามามอบตัว ถือว่าเป็นนอมินีชัดเจนแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามหลักยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยก่อนออกหมายจับได้ตรวจสอบทุกประเด็นแล้ว แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นก็จริง แต่ต้องดูที่มาของเงิน นอกจากนี้ ยังมีการโอนหุ้นด้วย ก็ต้องมีการตรวจสอบสถานะทางภาษีด้วย