วันที่ 22 เม.น.68 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.กล่าวว่าตามนโยบาย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และ “นโยบายรัฐบาลในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยุค Digital Disruption” แก่ข้าราชการตำรวจระดับผู้บริหารทั่วประเทศ ในโครงการสัมมนาผู้บริหาร ระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดี
ให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว

ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตร์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์บุกค้น 2 จุด สงขลา รวบแอดมินกลุ่มพนันไก่ชนและวัวชนออนไลน์ พร้อมตามรวบเครือข่ายบัญชีม้า

 

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเร่งปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำมาสู่ผลการปฏิบัติดังนี้ 1. จับกุมเครือข่ายการพนันออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 2 ราย  ตรวจค้น 2 จุด ในสงขลา รวบแอดมินกลุ่มพนันไก่ชนและวัวชนออนไลน์ จำนวน 2 ราย 2. จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย  รวบเครือข่ายอ้างเป็นหมอหลอกเทรดทองคำ เสียหายกว่า 4 แสน จำนวน 1 ราย รวบเครือข่ายหลอกลงทุนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เสียหายกว่า 4 แสน จำนวน 2 ราย รวบเครือข่ายอ้างกรมที่ดิน หลอกกดลิงก์ติดตั้งแอปดูดเงิน เสียหาย 2.2 ล้าน จำนวน 1 ราย

รวบเครือข่ายการพนันออนไลน์ ปฏิบัติการที่ 1 รวบแอดมินกลุ่มพนันไก่ชนและวัวชนออนไลน์  สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สายตรวจไซเบอร์ของ กก.3 บก.สอท.5 ได้ลาดตระเวนบนสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อเฝ้าติดตามผู้กระทำความผิดในสื่อสังคมออนไลน์ ต่อมาพบเบาะแสการกระทำผิด จนนำไปสู่แอปพลิเคชันไลน์ ชื่อกลุ่ม “กลุ่มไก่ชน นเรศวร 98” และ “กลุ่มวัวชนเจ้าเสน่ห์” ภายในกลุ่มมีข้อมูลการจัดเล่นการพนันไก่ชน และวัวชนออนไลน์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายค้นเป้าหมาย จำนวน 2 จุด

ดังนี้ จุดที่ 1 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 10 ซ.การะเกด ถ.กาญจนวนิช ต.เขารูปช้าง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา พ.ต.ท.ร่มไทร ไทรงาม และ พ.ต.ต.สุนทร คงกุล สว.กก.3 บก.สอท.5 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 พร้อมหมายค้น ศาลแขวงสงขลา ที่ 33/2568 ลงวันที่ 17 เม.ย.68 เข้าตรวจค้น เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบ นายกิตติภณ อายุ 28 ปี เป็นผู้อาศัยและเช่าบ้านหลังดังกล่าว ตรวจค้นพบของกลางเป็น โทรศัพท์มือถือ iPhone 7, คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และ คอมพิวเตอร์แบบพกพา(โน๊ตบุ๊ก) จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือ พบข้อมูลหลักฐานว่า นายกิตติภณ เป็นแอดมินกลุ่ม “กลุ่มไก่ชน นเรศวร 98” ทำหน้าที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาไก่ชนจากสนามเพื่อให้ลูกค้าออนไลน์ได้รับชม คอยตอบแชทดูแลปัญหา และดูแลระบบฝาก-ถอนเงินสำหรับการแทงพนันให้แก่กลุ่มไก่ชนออนไลน์ดังกล่าว

จากการสอบถามผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเป็นแอดมินกลุ่ม และทำหน้าที่ดังกล่าวตามหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งสืบสวนเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

ส่วน จุดที่ 2 บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา พ.ต.ต.ธีรวัฒน์ สมศิริ สว.กก.3 บก.สอท.5 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 พร้อมหมายค้น ศาลแขวงสงขลา ที่ 32/2568 ลงวันที่ 17 เม.ย.68 เข้าตรวจค้น สามารถจับกุมตัว นายกฤตเมธ หรือ ดอน อายุ 27 ปี พร้อมของกลางได้แก่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก จำนวน 1 เครื่อง และ โทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง

เมื่อตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์มือถือ พบข้อมูลหลักฐานว่า นายกฤตเมธ เป็นแอดมินกลุ่มวัวชนออนไลน์ ทำหน้าที่แอดมินดูแลเรื่องราคา อัตราต่อรองราคา และถ่ายทอดสดภาพกีฬาวัวชนจากสนามเพื่อให้ลูกค้าวัวชนออนไลน์ในกลุ่มรับชม และสรุปยอดเงินการเดิมพันพนันของผู้เล่นแต่ละราย ให้แก่กลุ่มวัวชนออนไลน์ดังกล่าว

จากการสอบถามผู้ต้องหา ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเป็นแอดมินกลุ่ม และทำหน้าที่ดังกล่าวตามหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ” นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย และเร่งสืบสวนเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อขยายผลจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป

จับกุมเครือข่ายหลอกลวงออนไลน์ ปฏิบัติการที่ 2  รวบเครือข่ายอ้างเป็นหมอหลอกเทรดทองคำ เสียหายกว่า 4 แสน สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ใช้ภาพโปรไฟล์เป็นผู้ชายหน้าตาดี ได้ส่งข้อความมาหาอ้างว่าตนประกอบอาชีพเป็นหมอ อยู่ใน กทม. จากนั้นได้พูดคัยกันจนเกิดความสนิทสนมแล้วชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเทรดทองคำ ผ่านทางแพลตฟอร์มชื่อ ST5 PRO สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปหลายครั้ง รวมจำนวน 416,774 บบาท

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการ ได้ร่วมกันจับกุม นายสุรวิทย์ อายุ 26 ปี ตามหมายจับของศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.490/2568 ลง 26 มี.ค.68 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดง ตนเป็นผู้อื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์ เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารให้บุคคลอื่นนำไปใช้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

ปฏิบัติการที่ 3  รวบเครือข่ายหลอกลงทุนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เสียหายกว่า 4 แสน สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายชักชวนให้ลงทุนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศผ่านเว็บไซต์ โดยคนร้ายชักชวนให้ลงทุนซื้อขายทองคำในเว็ปข้างต้นผ่านการแชทไลน์ที่ใช้รูปผู้หญิงเป็นภาพโปรไฟล์ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินสกุลบาทไปยังบัญชีม้าที่คนร้ายใช้ โดยอ้างว่าใช้ไปแลกเป็นเงินดอลล่าร์เพื่อทำการลงทุนในเว็บไซต์ ผู้เสียหายจังโอนเงินไป จำนวน 3 ครั้ง มูลค่าความเสียหายเกือบ 400,000 บาท

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจับกุม  นายสุกฤษฏิ์ อายุ 37 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 633/2568 ลง 31 มี.ค.68 โดยจับกุมได้หน้าห้องพัก ในซอยสุขสรรค์ 1/1 ถ.ศักดิเดช หมู่ 9 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

และจับกุม นายสมพร อายุ 42 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 632/2568 ลงวันที่ 31 ม.ค.68 โดยจับกุมหน้าห้องพักในพื้นที่ หมู่ 1 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จึงแจ้งข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปฏิบัติการที่ 4  รวบเครือข่ายอ้างกรมที่ดิน หลอกกดลิงก์ติดตั้งแอปดูดเงิน เสียหาย 2.2 ล้าน สืบเนื่องจากผู้เสียหาย ได้ถูกกลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์หาโดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน แล้วแจ้งกับผู้เสียหายว่า กรมที่ดินจะทำการผ่อนผันภาษีเกี่ยวกับที่ดินที่ผู้เสียหายครอบครองอยู่ให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ส่งลิงก์เพื่อหลอกให้กดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม แล้วให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าภาษีที่ดิน จำนวน 10 บาท ไปยังบัญชีปลายทาง จากนั้น มิจฉาชีพหลอกให้กดรหัสพร้อมทั้งสแกนใบหน้าของผู้เสียหายเพื่อยืนยันตัวตน โดยคนร้ายได้ติดต่อกับผู้เสียหายอยู่เป็นเวลา 40 นาที สุดท้ายพบว่ายอดเงินในบัญชีของผู้เสียหายถูกโอนออกไปหลายครั้ง
เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 2,270,907 บาท

หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาในเครือข่ายได้หลายราย ล่าสุดจับกุม นางสาวบุษยา ( สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ จ.389/2567 ลงวันที่ 21 ส.ค.67 ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน" โดยจับกุมตัวได้บนขบวนรถไฟ ขบวนรถท้องถิ่น ที่ 416 (รด.-รส.) ขณะจอดที่สถานีรถไฟนครราชสีมา ต.ในเมืองอ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย