วันที่ 22 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้ผ่าพิสูจน์ช้างป่าเสียชีวิตในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เหตุเกิดที่หมู่ 7 บ้านรวมไทย ต.หาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบฯ จากการรายงานผลทราบว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย.68 มีชาวบ้านที่เข้าไปหาอึ่งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า  ใด้พบเห็นช้างป่าติดหล่มในแอ่งน้ำ ไม่สามารถขึ้นมาได้ จากการสอบถาม ผู้แจ้งให้ข้อมูลว่า ช้างป่ายังมีชีวิตอยู่ในลักษณะนอนตะแครง ระดับน้ำครึ่งตัวช้าง จากพฤติกรรมช้างพยายามตะเกียกตะกาย ชูงวง แต่ไม่สามารถลุกขึ้นได้
 
หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบ และเข้าค้นหา ด้วยอากาศยานไร้คนขับ แต่ไม่พบเนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย (ฝนตก) จึงได้ยกเลิกภารกิจ และทำการค้นหาในวันถัดไป

 

ต่อมาวันที่ 20 เม.ย.68 เวลา 08.00 น. คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ใช้อากาศยานไร้คนขับบินสำรวจอีกครั้ง  พบช้างป่า บริเวณไทรเอน ท้องที่ หมู่ 7 บ้านรวมไทย ในสภาพ นอนตะแครงในแอ่งน้ำ หู ขา และง่วง ยังมีการขยับ จึงได้ประสาน สัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 สาขาเพชรบุรี มาประเมินอาการและทำการรักษา ปรากฎว่า ในเวลา 16.30 น. ช้างป่าตัวดังกล่าว ได้เสียชีวิตลง จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุในวันถัดไป เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำ และพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากสัตว์ป่า

ต่อมาวันที่ 21 เม.ย.68 เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี พร้อมทีมสัตวแพทย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียด ผลการชันสูตรพบว่า เป็นช้างป่าเพศเมีย อายุประมาณ  50-60 ปี น้ำหนักประมาณ 3,000 - 3,500 กิโลกรัม ลักษณะนอนตายตะแคงด้านซ้าย พบร่องรอยบาดแผล เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร บริเวณขาหลังด้านขวา จึงทำการผ่าเปิดแผล พบหัวกระสุนลักษณะเกลียวยาว 1 ชั้น ฝังอยู่บริเวณขาหลัง และเม็ดโลหะ ทรงกลม 1 ชั้นบริเวณก้นขวา และพบก้อนหนองขนาดใหญ่ใกล้กระดูกข้อต่อหัวเข่า ภายในเต็มไปด้วยหนองเหลว ลักษณะเนื้อเยื้อ และผิวหนัง มีสีซีดเหลือง เชื่อได้ว่าเป็นภาวะติดเชื้อรุ่นแรงจากบาดแผลของหัวกระสุน ที่ฝังอยู่นานกว่า 1 ปี เนื่องจากหัวกระสุนเป็นสนิมผุกร่อน

ภายหลังดำเนินการผ่าพิสูจน์เป็นที่เรียบร้อย จึงนำซากช้างป่าทำการฝังกลบ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค พร้อมนำหลักฐานหัวกระสุนที่พบขณะทำการผ่าพิสูจน์ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเพื่อตรวจสอบชนิดของอาวุธปืนหาผู้กระทำการมาดำเนินคดีต่อไป