วันที่ 22 เม.ย.68 ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล นายสันติ์ ดลภาวิจิตร ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดสตูล และรองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ตอนล่าง ดูแล 5 จังหวัด (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงหัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล นายธนพัฒน์ เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล พร้อมด้วย รักษาการหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด , สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดสตูล ร่วมรับหนังสือดังกล่าว เพื่อส่งต่อไปยังหน่วยงานระดับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
สาระสำคัญของหนังสือร้องเรียนสะท้อนถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยางที่กำลังเผชิญกับภาวะราคายางพาราตกต่ำอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคายางแผ่นดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยราว 10 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างรุนแรง สาเหตุหลักเกิดจากการที่บริษัทและกลุ่มทุนใหญ่จงใจกดราคารับซื้อยางให้ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยอ้างอิงนโยบายกำแพงภาษีจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในความเป็นจริง มาตรการดังกล่าวได้ถูกเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วันแล้ว
นายสันติ์ ดลภาวิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ราคายางพารา ได้ตกจับ 60 เหลือ 40 บาท เพียง 2 วันจากการประกาศ กำแพง ภาษีของสหรัฐอเมริกา เป็นผลให้ กลุ่มทุนถือเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรอย่างไม่เป็นธรรม และฝ่าฝืนพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 อย่างชัดเจน เครือข่ายเกษตรกรทั่วประเทศจึงพร้อมใจยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัดในวันเดียวกัน เพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยด่วน
ข้อเรียกร้องสำคัญในหนังสือ ได้แก่
1. ให้รัฐกำหนดราคายางที่เป็นธรรมตามกฎหมาย
2. ตรวจสอบพฤติกรรมการกดราคาจากกลุ่มทุน
3. ควบคุมการขนย้ายยางพาราในพื้นที่ชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า
4. ตรวจสอบบัญชีภาษีของบริษัทรับซื้อยางที่มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงภาษี
5. อนุมัติโครงการสินเชื่อเงินกู้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางวงเงิน 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ยืนยันว่าหากไม่มีการตอบสนองจากรัฐบาลภายใน 15 วันหลังได้รับหนังสือ กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จะยกระดับการเคลื่อนไหวทันที เพื่อปกป้องอาชีพหลักของตนที่มีสมาชิกกว่า 1 หมื่นรายในสตูล
“เราไม่ต้องการสร้างความวุ่นวาย เพียงแต่ต้องการความยุติธรรมให้กับอาชีพสุจริตของเรา หากรัฐยังนิ่งเฉย เราจำเป็นต้องยกระดับการชุมนุมอย่างสันติ” นายสันติ์กล่าว