“พท.” จ่อติวเข้ม สส.รับมือถกงบฯ 69 มั่นใจเสียงโหวต “พรรคร่วมฯ” แน่นปึ้ก  ด้าน “ภูมิธรรม” ยันไร้สัญญาณปรับครม.ข้ามห้วยนั่ง “มท.1” เหน็บทำงานแค่ 6 เดือนอย่าเพิ่งไล่กัน ส่วน “อนุทิน” งงสัญญาณปรับครม.ยัน “หน.พรรคร่วมฯ-นายกฯ” ไม่เคยพูด “วิโรจน์” แถลงลุย “โรยเกลืออิ๊งค์” ต่อ 3 กรณี “ตั๋ว PN-เทมส์วัลเลย์-ชั้น 14”ยัน เดินหน้ากระบวนการตามกฎหมายปกติ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 21 เมษายน 2568 ที่ศาลหลักเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีผลสำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) อยากให้ปรับ รมว.พาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับ ครม.) เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้ติดตามประเมินผลการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน ถ้ายังไปกันได้ดีก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปรับครม. ทั้งนี้ต้องแล้วแต่นายกรัฐมนตรี เป็นคนประเมิน เพราะถือเป็นเจ้านายสูงสุดของ ครม.

ส่วนที่ผลโพลอยากให้ปรับรัฐมนตรีในส่วนของเศรษฐกิจยังทำงานไม่ตอบโจทย์นั้น ก็เป็นเรื่องของโพล เป็นความเห็นหนึ่งเท่านั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองก็คงรับไปพิจารณา ทั้งนี้ ยังไม่เคยได้ยินนายกฯ เปรยเรื่องปรับ ครม. เพียงแต่ได้ยินท่านบอกว่าทำงานกันไปให้เต็มที่

ส่วนผลโพลที่ระบุว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ก็ขอขอบคุณ เพราะตนเองทำงานเต็มที่ อยู่ที่ไหนก็รักที่นั่น และพยายามที่จะเข้าใจเรื่องราวต่างๆและพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขร่วมกันกับทุกๆส่วน
เมื่อถามกระแสข่าวแลกโควตากระทรวงมหาดไทย กับ กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินตนเองได้ยินมาจากสื่อเท่านั้น

เมื่อถามย้ำว่ามีข่าวว่าจะไปนั่งเป็น รมว. มหาดไทย จะไม่อยู่ที่กระทรวงกลาโหมแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ผมเพิ่งอยู่ 6 เดือนเอง จะไล่แล้วเหรอ”

ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่นาย ภูมิธรรม คร่ำหวอดในวงการด้านการเมืองมาอย่างยาวนาน มีความคิดเห็นอย่างไรว่าจะเอาพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออก หรือคิดว่าจะอยู่ต่อไป กล่าวว่า ตนจะวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร อยู่ที่พี่น้องประชาชน เป็นคนประเมินเพราะพวกเรายังสามารถทำงานร่วมกันได้ดี ซึ่งนายอนุทิน กับตนก็ยังคุยกันได้ดี คุยกันรู้เรื่องหากมีงานอะไรที่เป็นเกี่ยวพันกันหรือสนับสนุนกันเราก็ทำเต็มที่

เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีอะไรหนักหนาจนต้องเปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาอยู่ในช่วงที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตต่างๆ ในการที่จะเผชิญปัญหา และเผชิญกับวิกฤตการณ์ต่างๆก็เป็นเรื่องธรรมดา  งานวิกฤตก็คืองาน ซึ่งงานก็เป็นหน้าที่เราต้องทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายภูมิธรรม ยังได้เป็นประธานในพิธีวันสถาปนาองค์ศาลหลักเมือง 243 ปี  โดยเข้าสักการะศาลหลักเมือง ศาลเทพารักษ์และทำพิธี สะเดาะเคราะห์ เติมตะเกียงน้ำมัน พระประจำวันเกิด วันเสาร์ ปางนาคปรก    ก่อนนำทำพิธีบวงสรวงสักการะองค์พระหลักเมืองอย่างเป็นทางการ ผู้สื่อข่าวแซวว่าวันนี้หน้าแดงมาก นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า หน้าร้อน แต่ใจไม่ร้อนนะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนเกิดวันเสาร์ดวงแข็ง และเก้าอี้แข็งด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม หัวเราะกล่าวพร้อมบอกว่า เรื่องเก้าอี้แข็งนี่บอกไม่ได้

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยจะดึงกระทรวงมหาดไทยกลับว่า ก็เห็นตามข่าวหนังสือพิมพ์ แต่ไม่มีความกังวล เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จัดตั้งรัฐบาลมาด้วยกัน พรรคภูมิใจไทย มี สส. 71 คนเราก็ยกมือสนับสนุนนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาถึง 2 คนแล้ว คือนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ก็เป็นสิ่งที่เรามาร่วมรัฐบาลจนถึงทุกวันนี้ ทำงานร่วมกันก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร ตอบสนองข้อสั่งการของนายกฯ ในทุกเรื่อง พร้อมยืนยันว่า นายกฯ ยังไม่เคยพูดเรื่องปรับ ครม.

“ผมยังงงอยู่เลยว่าสัญญาณปรับ ครม. ส่งไปที่สำนักข่าว หรือมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่มาถึงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ถามหัวหน้าพรรคร่วมคนไหนก็ไม่มีใครบอกว่าได้รับสัญญาณใดๆ ทุกคนยังมีความตั้งใจเต็มใจในการปฏิบัติหน้าที่สนองนโยบายของนายกฯ ในฐานะผู้นำรัฐบาล”นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า การปล่อยข่าวแบบนี้เป็นการเขย่าเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ้โห ต้องใช้แรงเยอะนะ ไม่น่าจะมีเรื่องพวกนี้ จะเขย่าทำไม ต่างคนต่างทำงาน ไม่เห็นมีปัญหาอะไรในการทำงาน ทำงานร่วมกันมาจะ 2 ปีอยู่แล้ว ทุกคนก็ทำงาน ก็ได้รับเกียรติ และนายกฯ ก็สั่งงานตลอดเวลา เช่น เรื่องตึก สตง. ถล่ม ก็ติดตามให้กรมโยธาธิการ ของกระทรวงมหาดไทย เร่งหาสาเหตุให้ชัดเจนโดยเร็ว ตอนนี้ในภาควิชาชีพต่างๆก็เริ่มเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากจุดไหน“

เมื่อถามถึงผลนิด้าโพล ที่ออกมาว่าควรปรับ  ครม. โดยกระทรวงมหาดไทยอยู่ลำดับที่ 6 นายอนุทิน กล่าวว่า โล่งอก เรื่องปรับ ครม.ขอเป็นบ๊วย

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวตัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างที่บอกมาด้วยกันอย่างดี พรรคภูมิใจไทยให้การสนับสนุนนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และเป็นพรรคที่ประกาศประกาศชัดเจนว่าในการปฏิบัติราชการแผ่นดิน ถ้านายกฯ ไม่ทำผิดกฎหมายใด ไม่ทำผิดจริยธรรมหรือศีลธรรมใด ถ้าถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสภาฯ พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกที่ออกมาบอกว่าจะปกป้อง และให้ความไว้วางใจ สนับสนุนการทำงานของนายกฯ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ

เมื่อถามย้ำว่า ตามสมการ สามารถปรับออกได้จริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราจะไปดูคณิตศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้ มันต้องดูเรื่องความผูกพัน ความร่วมมือในการทำงาน และความตั้งใจที่จะร่วมรัฐบาล  ถ้าจำได้พรรคภูมิใจไทยถูกเชิญให้ไปร่วมรัฐบาล ในช่วงเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม 2566 เมื่อมีการหารือกันเราก็เห็นว่าน่าจะร่วมกันทำงานได้ดี ก็ร่วมรัฐบาลและยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไร เพราะการทำงานไม่มีปัญหา ยังงว่าทำไมฝั่งสื่อถึงมีการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

ส่วนพรรคภูมิใจไทยถูกมองว่ามีอำนาจต่อรองมาก นายอนุทิน ยืนยัน ไม่มีคำว่าต่อรองอะไรทั้งสิ้น ถ้าต่อรองก็คงไม่มีอยู่แค่นี้

นายอนุทิน ยังยอมรับด้วยว่า ก่อนสงกรานต์ได้มีการไปรับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และแขกจากต่างประเทศที่เคยรู้จักกัน นายทักษิณจึงชวนตนไปทานอาหารด้วย ซึ่งการพูดคุยวันนั้นไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะตนก็เป็นรู้จักกับแขกของนายทักษิณด้วย ไม่มีนักการเมือง ไม่มีรัฐมนตรี แต่เป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อถามย้ำว่า แสดงความสัมพันธ์ยังแน่นปึ้กใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมขยันวิเคราะห์กันจัง
    
ส่วน นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในการพิจารณาร่าง(พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำทุกปีอยู่แล้ว และคาดว่าจะมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญในช่วงปลายเดือนพ.ค. ซึ่งอาจจะมีการเรียก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย มาประชุมกัน ทั้งนี้ ปีนี้จะเข้าสู่ปีที่ 3 ของสภาฯ ชุดนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าส.ส.ทุกคนคงมีประสบการณ์แล้วว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง
    
เมื่อถามถึง กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงเดือนส.ค.-ก.ย.ภายหลังผ่านการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 69 แล้ว นายดนุพร กล่าวว่า เรื่องกระแสการปรับ ครม.นั้นมีทุกครั้งอยู่แล้วหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เท่าที่ตนได้มีการพูดคุยผู้ใหญ่ในพรรคช่วงก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาฯ ท่านก็บอกว่านายกรัฐมนตรีอยากทำงานอีกสักระยะก่อน แล้วค่อยพิจารณาปรับ และนายกฯยังไม่อยากปรับครม.ตอนนี้

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวความคืบหน้ายุทธการโรยเกลือ หรือกระบวนการเดินหน้าตรวจสอบข้อทุจริตและความผิดปกติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา 
โดย นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคประชาชนจะมีการดำเนินการทางกฎหมายและกระบวนการต่างๆ ต่อ 3 กรณี ประกอบด้วย 1) กรณีนายกรัฐมนตรีใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) 9 ฉบับโดยไม่มีการกำหนดการชำระเงิน ไม่มีดอกเบี้ย สร้างกระบวนการให้ดูเสมือนว่าเป็นการซื้อหุ้นจากบุคคลในครอบครัวและเครือญาติ มูลค่ารวม 4,434.5 ล้านบาท ซึ่งถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเจตนาที่แท้จริงในการหลีกเลี่ยงชำระภาษีการรับให้มูลค่า 218.7 ล้านบาท

จากพฤติการณ์ที่ปรากฏ หุ้นเปลี่ยนมือจากบุคคลในครอบครัวและเครือญาติมาอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรีโดยสมบูรณ์แล้ว และนายกรัฐมนตรีก็ได้รับประโยชน์จากการถือหุ้นดังกล่าวในฐานะเจ้าของหุ้นอย่างเต็มรูปแบบ ในกรณีที่มีการปันผลนายกรัฐมนตรีก็ได้รับการปันผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการชำระเงินค่าซื้อหุ้นมาก่อนแต่อย่างไร ไม่มีการระบุว่าจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นกันเมื่อไหร่ ไม่มีกระทั่งภาระในการชำระดอกเบี้ยที่เกิดจากการค้างชำระในการซื้อหุ้น
นายวิโรจน์ กล่าวว่า พฤติการณ์ในลักษณะนี้ประชาชนย่อมเข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เป็นเพียงการสร้างพฤติกรรมการซื้อขายแต่เพียงรูปแบบขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับนายกรัฐมนตรี ที่ยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐอีกด้วย

ทั้งนี้ หากเทียบกับกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นคดี Estate of Maxwell หรือ Estate of Berkman ที่มีลักษณะการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินในการทำธุรกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีแบบนี้ ศาลภาษีที่สหรัฐอเมริกาล้วนมีคำวินิจฉัยให้กรมสรรพากรชนะคดีทั้งสิ้น โดยวางหลักเกณฑ์ที่เป็นสากลไว้ว่าหากตั๋วสัญญาใช้เงินไม่มีเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ชัดเจน ไม่มีหลักฐานว่าจะมีความตั้งใจในการชำระหนี้ และมีอัตราดอกเบี้ยเงื่อนไขการซื้อขายหุ้นที่เบี่ยงเบนไปจากธุรกรรมการค้าโดยทั่วไป ย่อมถือได้ว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นการสร้างหนี้ที่แท้จริง แต่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในกรณีนี้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 พรรคประชาชนได้มีการยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อให้ดำเนินการตามมาตรา 13 สัตต (7) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัยกรณีนี้ว่าเป็นนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้หรือไม่ กรณีนี้ตรวจสอบได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสัญญาการซื้อขายว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เงื่อนไขในสัญญาสอดคล้องกับการทำสัญญาซื้อหุ้นทั่วไปหรือไม่ ตั๋วสัญญาใช้เงินย้อนหลังของคนในครอบครัวที่เคยทำกันมาเคยมีการชำระหนี้กันจริงหรือไม่ และยังพิจารณาต่อได้อีกว่านายกรัฐมนตรีได้มีการนำเงินปันผลที่ได้จากบริษัทมาชำระค่าหุ้นบ้างหรือไม่ ทั้งหมดนี้จะเป็นพยานหลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่านายกรัฐมนตรีมีเจตนาซื้อหุ้นจริงหรือเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเท่านั้น หากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความสุจริตและกล้าหาญที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนโดยวินิจฉัยสอดคล้องกับหลักสากล พฤติกรรมดังกล่าวย่อมเป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งจะต้องมีการติดตามให้มีการชำระภาษีย้อนหลัง พร้อมแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป ซึ่งทางพรรคประชาชนจะดำเนินการหลังจากที่คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรดำเนินการแล้วเสร็จ

2) กรณีโฉนด 4 แปลงที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม เทมส์ วัลเลย์ เขาใหญ่ แม้ที่ดินของนิคมสร้างตนเองลำตะคองตามประกาศคณะปฏิวัติ 2515 จะประกาศให้มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นนิคมสร้างตนเองลำตะคอง แต่ประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวไม่ได้มีเนื้อหาในการยกเลิกหรือแก้ไขมติคณะรัฐมนตรี 2514 แต่อย่างไร ดังนั้นพื้นที่บริเวณดังกล่าวจึงยังคงมีสถานะเป็นที่ดินที่คณะรัฐมนตรีสงวนไว้เพื่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือพื้นที่ต้นน้ำลำธารซึ่งห้ามออกโฉนดโดยเด็ดขาด
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณามติคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ 2527 ที่กรมที่ดินได้นำมาอ้างว่ามีการเห็นชอบให้กรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้ราษฎรครอบครองเพื่อทำประโยชน์ตามมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.การจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ 2511 แต่มติดังกล่าวระบุชัดว่าเพียงอนุญาตให้ครอบครองเพื่อทำประโยชน์ แต่ไม่ใช่การให้กรรมสิทธิ์แต่อย่างใด และยังไม่มีหลักฐานใดที่แสดงว่ามติดังกล่าวจะมีการแก้ไขหรือยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี 2514 จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการออกโฉนดทั้ง 4 ฉบับเป็นการออกโฉนดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ พรรคประชาชนเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ได้มีการยื่นหนังสือกับอธิบดีกรมที่ดินเพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม เทมส์ วัลเลย์ เขาใหญ่ โดยจะมีการติดตามการดำเนินการของอธิบดีกรมที่ดินอย่างต่อเนื่องต่อไป 3) กรณีข้อสงสัยว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้รับอภิสิทธิ์เหนือผู้ต้องขังรายอื่นหรือไม่ ในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุตรสาวจะต้องทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย รวมถึงการได้รับสิทธิหรืออภิสิทธิ์ใดอย่างชัดเจนตั้งแต่แรก และเมื่อสังคมได้มีการตั้งข้อสงสัยถึงความไม่สมเหตุสมผล นายกรัฐมนตรีแทนที่จะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงต่อสาธารณะ กลับบ่ายเบี่ยงซ่อนเร้นและอำพรางข้อเท็จจริง

พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 172 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และยังเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 11 (1) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการสั่งการให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติของหน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้พรรคประชาชนได้มอบหมายให้ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ดำเนินการร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้มีการดำเนินการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายต่อไป

นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่ต้องการให้พรรคประชาชนใช้กลไกด้านจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญในการจัดการนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นการเข้าชื่อเพื่อให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ข้อเสนอให้พรรคประชาชนดำเนินการให้ ป.ป.ช. ไต่สวนกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนั้น
ทั้ง 2 กรณีพรรคประชาชนเห็นว่าในเรื่องของจริยธรรม บุคคลที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากถูกสังคมและประชาชนตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องและไม่อาจชี้แจงข้อเท็จจริงได้จนสิ้นข้อสงสัย นายกรัฐมนตรีควรต้องมีความสำนึกในตนเองและแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณะด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยสมัครใจ ไม่จำเป็นต้องให้กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นมรดกบาปของการทำรัฐประหาร ขาดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และไม่มีการยึดโยงกับเจตจำนงของประชาชน มาเป็นผู้ชี้นิ้วไล่ให้ออกจากตำแหน่ง

"เรายืนยันว่าการใช้ผ้าที่สกปรกถูบ้านไม่อาจทำให้บ้านสะอาดขึ้นมาได้ การใช้น้ำเน่าไล่น้ำเสียไม่อาจทำให้น้ำในคูคลองใสสะอาด พรรคประชาชนยืนยันอีกครั้งว่าเราจะไม่ใช้กลไกที่เราไม่ยอมรับในความชอบธรรม ในการจัดการกับสิ่งที่ไม่ชอบธรรมเด็ดขาด เพราะหากทำเช่นนั้นบ้านเมืองก็จะติดอยู่กับวังวนของนิติสงครามที่คณะรัฐประหารได้วางหลุมพรางเอาไว้ และประเทศชาติก็จะไม่สามารถกลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐได้อีกเลย" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า พรรคประชาชนขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีสำนึกในความดีความชั่วของตนและแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ยังสามารถรักษาเกียรติภูมิของตำแหน่งผู้นำประเทศเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องรอให้กลุ่มบุคคลใดมาชี้หน้ากล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนต้องถูกไล่ออกจากตำแหน่งเหมือนทรชนที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย