ป้าวัย 60 ปีตัดสินใจแจ้งความเอาผิดหลานตัวเอง หลังพบข้าวเปลือกในยุ้งหายไปกว่าครึ่งยุ้งมูลค่ากว่า 50,000 เชื่อเป็นฝีมือหลานตัวเอง ระบุตอนแรกไม่คิดแจ้งความ แต่เห็นพฤติกรรมดื่มน้ำกระท่อม สูบกัญชา และยาบ้า จึงต้องการเอาผิดเพื่อเป็นการสั่งสอน  

วันที่ 21 เม.ย.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน บ้านตะโกตาพิ ต.ตะโกตาพิ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ว่าข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในยุ้งข้าวของตัวเองหายไปกว่า 80 กระสอบ ซึ่งผู้ที่ขโมยไปเป็นหลานชายกับหลานสะใภ้ของตัวเอง และอยากถามสังคมว่า การไปแจ้งความเอาผิดหลานตัวเองถือว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่

 

นางพิศมัย อายุ 60 ปี  ม.1 ต.ตาโกตาพิ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ คนร้องเรียนเล่าว่า วันก่อนได้มีชาวบ้านมาถามตนว่า หลานชายของตนได้ทำนาหรือไม่ ทำไมมีข้าวไปขายครั้งละ 4-5 กระสอบ จึงตามไปดูที่ร้านรับซื้อข้าวเห็นกระสอบถุงปุ๋ยรู้ทันทีว่าเป็นข้าวของตนเพราะทำสัญลักษณ์เอาไว้ เมื่อไปดูยุ้งข้าวที่เก็บข้าวเปลือกของตนพบว่าข้าวเปลือกที่ตนใส่ถุงปุ๋ยเอาไว้เกือบ 200 ถุงเหลือไม่ถึงครึ่งหรือหายไปไม่น้อยกว่า 80-90 กระสอบ คิดเป็นเงินมากกว่า 50,000 บาท และมั่นใจว่าเป็นฝีมือของหลานตัวเอง เพราะไม่ทำงานแต่ละวันพาแฟนตัวเองต้มน้ำกระท่อมกินกันเสียงดัง สูบกัญชา สูบยาบ้ากับเพื่อนหลายคนอย่างสนุกสนาน ตอนแรกกะว่าจะไม่เอาเรื่องเพราะเป็นลูกน้องสาว แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมแล้วรับไม่ได้จึงตัดสินใจไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่ออยากให้หลาบจำ ตอนนี้ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกที่แจ้งความ

ขณะที่นายชาติชาย  อายุ 63 ปี  ม.1 ต.ตาโกตาพิ  อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์  เพื่อนบ้านเล่าว่า วัยรุ่นกลุ่มนี้ไม่ทำอะไร แต่ละวันมีแต่รวมตัวกันต้มน้ำกระท่อมไม่รู้ว่าผสมอะไรบ้าง ทั้งสูบกัญชาและยาบ้า เชื่อว่าน่าจะมาขโมยข้าวเปลือกตอนกลางคืนทีละ 4-5 กระสอบเอาไปขายได้เงินมาเอาไปมั่วสุมกัน เมื่อเงินหมดก็ไปขโมยข้าวไปขายอีก ส่วนตนมองว่าการแจ้งความเอาผิดถูกต้องแล้วเพราะหากปล่อยไว้จะติดนิสัยไปก่อเหตุที่อื่นอีกก็จะถูกจับเช่นเดียวกัน