Pi Daily เช้านี้ราคาทองคำพุ่งรับแรงกังวลจากนักลงทุนทั่วโลก หลังสหรัฐฯเพิ่งเปิดตลาดอีกครั้ง ขณะเดียวกันท่าทีของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' เริ่มบ่งชี้แนวทางตอบโต้ทางเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ภาษี ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกยังเผชิญความผันผวนต่อเนื่อง
วันที่ 21 เมษายน 2568 บล.พาย เผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones และสินค้าโภคภัณฑ์ปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday
ช่วงวันหยุดที่ผ่านมามิได้มีข่าวสารที่มีนัยยะสำคัญแต่อย่างใดประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปปิดทำการเนื่องในวัน Good Friday (แต่จะกลับมาเปิดทำการในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย) แต่หากดูการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆในวันพฤหัสบดี จะพบว่ายังเป็นลบต่อตลาดหุ้นสะท้อนผ่านการปรับตัวลงหุ้นสหรัฐฯ และราคาทองคำแม้ระหว่างวันจะเผชิญการปรับลงแต่ยังเห็นแรงไล่ซื้อกลับในท้ายที่สุด บ่งชี้ว่านักลงทุนยังมีความกังวลอยู่
สัปดาห์นี้จึงต้องติดตามพัฒนาการการค้าของสหรัฐฯกับนานาประเทศต่อเนื่อง รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯและไทย สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯจะประกอบไปด้วย (1) ดัชนี PMI ภาคบริการและภาคผลิต (เบื้องต้น) ในวันพุธช่วงกลางคืน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 52.9 , 49.3 (2) ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 4.14 ล้านหลังคาเรือน
ส่วนปัจจัยในประเทศรอติดตามการค้าขายระหว่างประเทศ Bloomberg Consensus คาดการณ์ส่งออกไทยจะขยายตัวได้ 12.8%YoY พร้อมกับนำเข้าจะขยายตัวได้ 5.6%YoY ส่งออกที่ขยายตัวได้เด่นเราเชื่อว่ามาจากการเร่งส่งออกก่อนที่ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯจะเริ่มบังคับใช้และมีความเป็นไปได้ที่ในช่วง 2Q25 การส่งออกจะเร่งขึ้นต่อเนื่องเพราะมาตรการภาษีถูกเลื่อนออกไปเป็นเวลา 90 วัน แต่อย่างไรก็ตามสำคัญกว่านั้นก็คือหลังจาก 90 วันมาตรการภาษีจะดำเนินอย่างไรต่อ ทำให้เชื่อว่าในช่วง 2Q25 ตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังมี Upside ที่จำกัดเพื่อรอดูท่าทีของ Trump นอกจากตัวเลขเศรษฐกิจแล้วให้รอติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ในสัปดาห์ก่อนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทยอยรายงานออกมาพบว่าภาพรวมยังไม่โดดเด่น (TISCO -5%YoY BBL +20%YoY แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกำไรจากเงินลงทุนสูงกว่าคาดการณ์ แต่สินเชื่อไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก +1%QoQ พร้อมกับสำรองหนี้ +5.7%YoY)
สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1100 – 1180 เช้านี้หลังเปิดทำการหลังหยุดยาวพบว่าตลาดหุ้น Dow Jones Future แกว่งลบ 0.56% ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ Trump แสดงความเข้มงวดอีกครั้งผ่าน Truth Social ระบุว่ามีการโกงเกิดขึ้นที่มิใช่แค่เรื่องภาษีประกอบไปด้วยควบคุมสกุลเงิน การทุ่มตลาด ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสหรัฐฯจะออกมาตรการใดมาอีกหรือไม่ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนั้นจังหวะฟื้นตัวของ SET INDEX ยังมีความเสี่ยงจะกลับไปลงได้อีกครั้ง จึงเน้นกระชับพอร์ตไม่ไล่ราคาสำหรับนักลงทุนระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะกลางขึ้นไปยังสะสมได้ด้วย Valuation ระยะกลางที่มิได้แพงแต่เน้นที่หุ้นพื้นฐานดีและเป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ศูนย์การค้า (CPN) ค้าปลีก (CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (CENTEL MINT) การเงิน (MTC SAWAD)
CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท)
ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวจากการวางรากฐาน Ecosystem ของธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม แต่ระยะสั้นเรามองว่าบริษัทดำเนินกลยุทธ์การเติบโตแบบอนุรักษ์นิยมมากขึ้น (conservative) ทำให้คาดว่าผลประกอบปี2025 จะมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนจากแผนการขยายสาขาที่ชะลอตัวลง และอัตรากำไรขั้นต้นรวมที่มีแนวโน้มลดลงจากสัดส่วนยอดขายที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงยังคงเป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการปี2025
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)
แนวโน้ม SSSG มีทิศทางแข็งแกร่งกว่ากลุ่มต่อเนื่อง คาดกำไรปกติ 1Q25 ที่ 6.5 พันล้านบาท (+8%YoY, -6%QoQ) หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่คาดเติบโต 2% YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +0.5% และ Lotus’s +0.5%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 2Q25 จะเติบโต YoY ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Ready-to-eat และ Ready-to-drinks
#ราคาทอง #ข่าววันนี้ #ตลาดหุ้น #ทรัมป์ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #SET #บลพาย