จากกรณีเกิดสถานการณ์สู้รบกันระหว่างกองกำลังกะเหรี่ยง พล.น. 4 กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA.) กับ ทหารเมียนมา ในพื้นที่บ้านแม่น้ำธิทะ กิ่งอำเภอเมตตา จังหวัดทวาย ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ที่อยู่ห่างจากช่องทางบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณ 10 กิโลเมตร โดยกองกำลังทหารกะเหรี่ยง พล.น. 4 Karen National Liberation Army (KNLA.) ได้ใช้กำลังพลติดอาวุธพร้อมอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ติดระเบิด ขนาด 40 มิลลิเมตร รวมถึงเครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 120 มิลลิเมตร เข้าโจมตี เพื่อกดดันทหารเมียนมา บริเวณฐานล่างกองร้อยรักษาความปลอดภัย บก.ยศ.ที่ 1ทหารเมียนมา ได้ตอบโต้ด้วยการนำเครื่องบิน k-8,y-8D และ บล.y-12 บินเข้าโจมตีด้วยการทิ้งระเบิดที่บริเวณฐาน บก.ยศ.ที่ 1 ในพื้นที่บ้านแม่น้ำฯ จำนวน 5 เที่ยวบิน  อีกทั้งยังเสริมกำลังด้วยการใช้เฮลิคอปเตอร์( ฮท.MI-17) ในการลำเลียงทางอากาศมาส่งที่ ฐานทหารเมียนมา พัน.ร. 25 และจากการสู้รบในครั้งนี้ทำให้ประชาชนในฝั่งชายแดน บ้านทิคี้  ซึ่งติดกับบ้านพุน้ำร้อน เขตแดนไทย ได้พากันหนีภัยการสู้รบเพื่อเข้ามาพึ่งไทยกว่า 300 คน 

 

ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบ้านพุน้ำร้อน หมู่ที่ 12 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี  โดยนายอธิสรรค์  อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี  ได้มอบหมายให้ นายวุฒิพงษ์  สุภัควนิช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางพร้อมด้วยพันเอกพรรณศักย์  เพรียวพานิช  ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 29 กองพลทหารราบที่ 9 ในฐานะผู้บังคับการกรมทหารราบเฉพาะกิจที่ 29 (ฉก.ลาดหญ้า) นายประสาน  สงวนพันธุ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเก่า และอีกหลายหน่วยงานลงพื้นที่บริเวณชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ลงตรวจสอบพื้นที่หลังจากในฝั่งชายแดน บ้านทิคี้ ติดชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ได้เกิดมีการสู้รบกันระหว่างทหารกะเรี่ยง (KNLA.) กับ ทหารเมียนมา ในพื้นที่บ้านแม่น้ำธิทะ กิ่งอำเภอเมตตา จังหวัดทวาย ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จนประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าวได้พากันหนีภัยการสู้รบเข้ามาพึ่งไทยเบื้องต้นกว่า 300 คน มีทั้งเด็ก ชายหญิงผู้สูงอายุ ทางฝ่ายไทยยังเพียงดูไม่ให้เข้ามาในฝั่งแดนไทย เพียงส่งเสียงอาหารไปช่วยเพื่อนมนุษยธรรมเท่านั้น 

จากนั้น คณะได้ลงพื้นที่ตรวจดูพื้นที่ มีทั้งหน่วยงานทหาร โรงเรียน และจุดอื่นๆ มีอยู่ 5 จุด เตรียมพร้อมไว้หากเกิดการสู้รบยาวนานประชาชนอาจจะทะลักเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือ ก็จะนำบุคคลเล่านี้ไปอยู่ยังจุดใดบ้างเพื่อความปลอดภัย  ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจตามจุดต่างๆ ทางหน่วยงานทหารผู้ดูแลพื้นที่ชายแดนด้านนี้ก็จะนำข้อมูลกลับไปประชุมเพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งไว้รองรับต่อไป 

โดยนายวุฒิพงษ์  สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าว่า "ในพื้นที่ชายแดนบ้านพุน้ำร้อน ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะเขาสู้รบกันในฝั่งบ้านเขา ยังไม่มีประชาชนทะลักเข้ามายังฝั่งไทย แต่เพื่อไม่ประมาทเราจึงได้ลงพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดมีการปะทะของเพื่อนบ้านยาวนาน คงจะมีประชาชนเข้ามาขอพึ่ง เราก็ต้องมีพื้นที่รองรับพวกเขาตามหลักมนุษยธรรม และเพื่อความปลอดภัย เมื่อบ้านเขาสงบเขาก็กลับไปประกอบอาชีพในบ้านเขาต่อไป

 

สำหรับบรรยากาศในพื้นที่บ้านพุน้ำร้อน จากการสอบถามทางประชาชนคนไทยที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง แจ้งว่าการสู้รบมีมาตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. 2568 แล้ว และมาหนักเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 19 เม.ย. 68 ได้มีเครื่องบินของเมียนมา หลายลำได้บินเนื่องฟ้าใกล้ชายแดนไทย บินวนอยู่ต่อเนื่องนาน และมีเสียงยิงต่อสู้กันเสียงดังถี่มากๆ จากนั้นได้มีชาวบ้านได้หนีตายเข้ามาบริเวณชายแดนไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย ฝ่ายปกครอง ได้เข้าตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการที่ประชาชนในฝั่งเมียนมา หนีภัยเข้ามาเข้ามาในฝั่งไทย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้นำอาหารไปแจกจ่ายเพื่อช่วยเหลือตามมนุษธรรมแล้ว
 .