วันที่ 20 เมษายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ บริเวณวัดโพธาราม (วัดท่าไคร้) อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ ร่วมในพิธีคารวะและสรงน้ำ “องค์หลวงพ่อพระใหญ่” พระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดบึงกาฬ นับเป็นประเพณีดั้งเดิมที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาเป็นประจำทุกปีในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ เพื่อขอขมาต่อพระรัตนตรัย และความเป็นสิริมงคลให้แก่ชุมชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชนที่ร่วมในพิธี โดยได้รับความเมตตาจากพระราชภาวนาโสภณ (หลวงปู่เทพา ภูริปญฺโญ) เจ้าคณะจังหวัดบึงกาฬ ฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดเซกาเจติยาราม พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายจุมพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมทั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัด/ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด/ นายอำเภอเมืองบึงกาฬ/ หัวหน้าส่วนราชการ/ ผู้บริหารท้องถิ่น/ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีอย่างเนืองแน่น

 

สำหรับ พิธีคารวะและสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใหญ่ ถือเป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวบ้านท่าไคร้ และชาวจังหวัดบึงกาฬที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เพื่อขอขมาพระรัตนตรัย สักการะขอพรองค์หลวงพ่อพระใหญ่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยล้านช้าง เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดบึงกาฬ และเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนสองฝั่งโขง โดยองค์หลวงพ่อพระใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย โบกฉาบด้วยปูน หน้าตักกว้าง 2 เมตร โดยพิธีสรงน้ำองค์หลวงพ่อพระใหญ่จะเกิดขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ในปีนี้กำหนดจัดงานระหว่าง 18 – 20 เมษายน 2568 โดยการสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่นั้น สุภาพบุรุษสามารถเข้าไปสรงน้ำหลวงพ่อพระใหญ่ภายในอุโบสถได้ ส่วนสุภาพสตรี ทางวัดได้ทำบันไดเทียบข้างอุโบสถไว้ให้ขึ้นไปสรงน้ำผ่านท่อที่จัดเตรียมไว้ให้ หรือจะสรงน้ำที่องค์หลวงพ่อพระใหญ่องค์จำลอง ที่ประดิษฐานอยู่ภายนอกอุโบสถก็ได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิริมงคลทั้งสิ้น

นอกจากนี้ น้ำที่ผ่านการสรงองค์หลวงพ่อพระใหญ่แล้ว จะไหลออกมาที่ด้านหลังอุโบสถ ซึ่งพุทธศาสนิกชนเชื่อว่ามีความเป็นมงคล จึงมักนิยมนำน้ำที่ผ่านการสรงองค์หลวงพ่อพระใหญ่มาลูบที่ศีรษะ หรือตามร่างกาย ตลอดจนนำกลับไปผสมน้ำอาบที่บ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และคนในครอบครัวด้วย ขณะเดียวบรรยากาศภายในวัด ยังมีโรงทานที่ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมบุญจำนวนมาก ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญที่วัดได้อิ่มอกอิ่มใจ และอิ่มท้องไปด้วย ซึ่งถือเป็น”วันไหล”ของพี่น้องชาวจังหวัดบึงกาฬด้วย