เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 เม.ย.68 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จันทบุรีตำรวจชุดสืบสวน ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ สุนทรวิภาต รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ควบคุมตัว 3 คนร้าย ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลักตัดสายเคเบิ้ล สื่อสัญญาณ บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ TOT มาทำการสอบปากคำ พร้อมของกลางหลายรายการ ทั้งพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ เป็นรถยนต์กระบะเชฟโรเร็ต สีน้ำเงิน ทะเบียนกรุงเทพ และรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล โตโยต้าพรีอุส สีดำ ทะเบียนชลบุรี พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ทั้งคีมตัดเหล็กขนาดใหญ่ เครื่องมือดัดแปลง ที่ใช้ในการงัดแงะ ขุด ทุบ เพื่อให้ได้มาต่อทรัพย์ ตลอดจน กระสอบปุ๋ย และสายเบลท์ยกของหนัก วางอยู่ท้ายกระบะ ทางตำรวจได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบ
โดยพฤติกรการณ์จับกุม สืบเนื่องจาก ศูนย์วิทยุ 191ได้รับแจ้งจากพนักงานบริษัท TOT ว่ามีคนร้ายแอบเข้าไปลักลอบแอบตัดสายสื่อสัญญาณ บริเวณตู้ควบคุมจุดรวมสายเคเบิ้ลที่มีการร้อยท่อใต้ดิน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี หายไป ระยะความยาวประมาณ 600-700 เมตร คิดเป็นค่าความเสียหายประมาณกว่า 2 ล้านบาท
ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงประมาณกลางเดือนมีนาคม ก็มีคนร้ายแอบเข้าไปลักลอบตัดสายเคเบิ้ลนำสัญญาณร้อยท่อใต้ดิน บริเวณตู้ควบคุมตั้งอยู่ใกล้กับสะพานตรีรัตน์ ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี หายไปความยาวประมาณ 211 เมตร ค่าเสียหายประมาณ 5 แสนบาท คาดว่าจะเป็นคนร้ายแก๊งเดียวกัน
หลังรับแจ้งต่อมา พ.ต.อ.อรรฆพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ได้สั่งการให้ตำรวจสืบสวน ลงพื้นที่หาข่าวแกะรอยจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ เร่งล่าตัวคนร้าย จนสืบทราบว่า มีคนร้ายต้องสงสัยก่อเหตุ เป็นชายจำนวน 3 ราย ใช้ยานพาหนะเป็นรถของกลาง ที่ตรวจยึดมา 2 คัน หลังก่อเหตุได้นำทรัพย์ของกลางไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า จำนวน 200-300 กิโลกรัม ได้เงินมาประมาณ 3 มื่นบาท และแยกกันหลบหนี ไปเช่าห้องพักรีสอรท์แห่งหนึ่ง พื้นที่ อ.ท่าใหม่ จึงได้นำกำลังไปตามจับกุมตัว
จากการสอบสวนเบื้องต้น 1 ใน 3 คนร้ายต้องสงสัย ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือลักตัดสายเคเบิ้ลจริง ก่อเหตุมาแล้ว 2 ครั้ง อ้างว่าตกงาน แม้จะรู้ว่ามีความผิดแต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะได้เงินดี โดยจะรับงานมาจากเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คน แต่ไม่ได้เป็นคนนำของกลางไปขาย
ขณะที่เพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คน ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่จำนนด้วยภาพและพยานหลักฐาน ทางตำรวจจึงได้นำตัวสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเตรียมขอศาลออกหมายจับ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป