ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล

อาจเป็นพราะชอบฟังเพลงของศิลปินสายอินดี้-ป๊อปหม่นซึมอย่าง บอง อิแวร์, เคฟ ทาวน์, โดดี, โคแนน เกรย์, ฟีบี บริดเจอร์ส, และ เกรซี่ อับรามส์ งานเพลงของ ซิดนี่ย์ โรส จึงออกมาในโทนใกล้เคียงพวกเขาเหล่านั้น อย่างที่ได้ยินจากอีพี.และอัลบั้มที่ผ่านมาของเธอ ไม่ว่าจะเป็นอีพี.เปิดตัว You Never Met Me (2022) ตามด้วยอีพี. This Kind of Thing Doesn’t Last ในปีเดียวกัน, One Sided อัลบั้มเต็มชุดแรก (2023), One Voice (อีพี./2024) และปีนี้กับอีพี. 6 เพลง I Know What I Want

สี่ปีกับสี่อีพี.และหนึ่งอัลบั้ม พอจะเรียกว่าเธอคนนี้ “แรงเหลือ” ของแท้ ยิ่งเมื่อรู้ว่าเธอเพิ่งยี่สิบต้นๆด้วยแล้ว ซิดนีย์ โรส เกิดและเติบโตที่แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอพบ “เสียง” ของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เช่นเดียวกับการหัดเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ เริ่มต้นด้วยอูคูเลเล่ ก่อนขยับไปเรียนเปียโน และกีตาร์ ซึ่งสองอย่างหลังนี้ต่อมากลายเป็นเครื่องดนตรีหลักในเพลงของเธอ

ไม่ต่างจากคนอื่นๆในยุคสมัยเดียวกัน เธอใช้ช่องทางออนไลน์ ใช้โลกโซเชี่ยล เป็นแหล่งในการแนะนำตัว ช่วงเวลาที่ไวรัสระบาดทั้งโลกเมื่อห้าปีก่อน โรส เปิดช่อง TikTok ของตัวเอง ค่อยๆปล่อยเพลงที่เธอแต่งให้คนนอกฟัง อย่าง “Phoebe Told Me”, “Things That Don’t Exist”, “I’ll Never Get Over It” และ “Cutting Corners” หลังจากนั้นก็ได้เซ็นสัญญา แล้วทุกอย่างก็ดำเนินมาจนถึงวันนี้อย่างที่เป็น

ใน I Know What I Want โรส เขียนถึงความรู้สึกเด็กสาวที่กำลังก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ โดยมีความรักความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวเป็นแก่นแกน รวมถึงการไล่ตามความฝันของตัวเอง อารมณ์รวมจึงหลากหลายปนเปทั้งความสับสน ความเจ็บปวด และความหม่นเศร้า ขณะเดียวกันก็พอจับได้ถึงการเรียนรู้จะก้าวผ่านความรู้สึกเหล่านั้น เป็นความรู้สึกแบบขมอมหวาน-ที่เราทุกคนล้วนพบเจอ จะต่างกันก็ตรงที่ใครมีภูมิคุ้มกันมากกว่า...ก็จะผ่านไปเร็วกว่าเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น “We Hug Now”, “31”, “5 More Minutes” และ “Thank You for Trying”

เพลงของ โรส เป็นป๊อปสายอินดี้ที่ไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายแบบตลาดใหญ่ เพลงของเธอไม่ได้ป๊อปติดหูตั้งแต่ได้ยินครั้งแรก แต่มาในทางซึมลึก ละเมียดละไม นำเสนอแบบเครื่องดนตรีน้อยชิ้น ปล่อยให้ “เสียงร้อง” เป็นศูนย์กลาง เสียงร้องที่ไม่ได้ทรงพลังแบบดิวา แต่ทรงพลังในแง่ของการเล่าเรื่องและจริงใจได้การปรุงแต่ง-ในแบบนักเล่าเรื่องที่ให้น้ำหนักกับอารมณ์ความรู้สึก

ทำให้สิ่งที่เธอ “เล่า” และ “ร้อง” มีความหมายมากกว่าความไพเราะ

 

 

ขอบคุณภาพจาก : Universal Music Thailand