ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 17.30 น. นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รอง ผู้ว่าฯกาญจนบุรี ว่ามีประชาชนร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากว่า ที่บ้าน ซ. 2 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่ทำไอติมขายส่งทั่วไป มักจะมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติอินเดียจับกลุ่มมั่วสุมกันและส่งเสียงพูดคุยเสียงดัง ก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แด่ชาวบ้าน
จากการสอบสวนทางลับยังทราบอีกว่า บรรดาบุคคลต่างด้าวเหล่านี้จะรับไอติมไปเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ และแอบแฝงด้วยอาชีพปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยรายวันเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย
หลังทราบเรื่อง จึงสั่งการให้นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และนายฑรัท เหลืองสอาด ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายสุวัฒนา ม่วงหวาน ป้องกันจังหวัดกาญจนบุรี และนางสาวสุภัค กรุดทอง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่สมาชิก อส.ฝ่ายปกครองสังกัด ร้อย อส.กจ.1(ชุด ฉก.) บูรณาการกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตม.จ.กาญจนบุรีเดินทางไปที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว พบว่ากลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติอินเดียนับ 10 คนกำลังนั่งมั่วสุมพูดคุยส่งเสียงดังกันอยู่ภายในบ้าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงตกใจพากันทิ้งรถจักรยานยนต์แล้ววิ่งหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง เจ้าหน้าที่ อส.ชุดจับกุมจึงวิ่งไล่กวดติดตามไปและสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้ จำนวน 7 คน นำตัวมาสอบสวนทราบว่า เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติอินเดียทั้งหมด จึงตรวจสอบเอกสารพบว่า บุคคลต่างด้าวทั้ง 7 คนไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ จึงทำการควบคุมตัวบุคคลต่างด้าวชาวอินเดียทั้ง 7 คนและเจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนไทย พร้อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 7 คันนำส่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
เบื้องต้นจากการสอบสวนยอมรับสารภาพว่า บุคคลต่างด้าวสัญชาติอินเดีย ได้มารับมารับไอติมทึ่บ้านหลังนี้ไปเร่ขายตามหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และปล่อยเงินกู้เก็บดอกรายวันในอัดตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจค้นช่องเก็บของใต้ถังน้ำมันพบสมุดบัญชีที่มีรายชื่อชาวบ้านที่กู้เงินไปเป็นจำนวนมาก และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 7 คัน ก็เป็นรถที่เช่ามา โดยชื่อผู้ครอบครองรถเป็นคนไทยอีกด้วย
มีรายงานข่าวว่า จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า 4 คน มีความผิดโทษฐานอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่วนอีก 3 คน เข้าที่พักอาศัยโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานภายใน 24 ชม. และบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 คนประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นอาชีพต้องห้าม สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น