เกิดเหตุสลด! หญิงวัย 40 ปี ถูกสุนัขพันธุ์ผสมพิบูลเทอร์เรียกับบูลลี่ที่เลี้ยงไว้เองภายในวัดไก่เตี้ย กัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แขนและมือเป็นแผลเหวอะหวะลึกถึงกระดูก เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาล ด้านครอบครัวเผยสุนัขตัวดังกล่าวเคยกัดเจ้าอาวาสวัดมาแล้วก่อนหน้านี้

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 เมษายน 2568 ศูนย์วิทยุมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ได้รับแจ้งเหตุหญิงถูกสุนัขกัดได้รับบาดเจ็บ บริเวณวัดไก่เตี้ย หมู่ที่ 3 ตำบลวังยาง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าตรวจสอบ

จุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณหลังกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งดัดแปลงเป็นห้องเก็บของและใช้เป็นกรงเลี้ยงสุนัข พบผู้บาดเจ็บคือ นางสาวสุธารัตน์ ศรีวิเชียร อายุ 40 ปี นอนจมกองเลือด มีบาดแผลฉกรรจ์ที่แขนและมือทั้งสองข้างจากการถูกสุนัขกัด แผลลึกจนเห็นกระดูก

เจ้าหน้าที่ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลศรีประจันต์ แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือพร้อมกว่า

สุนัขที่ก่อเหตุชื่อว่า “คอปเปอร์” เพศผู้ เป็นพันธุ์ผสมระหว่างพิบูลเทอร์เรียกับบูลลี่ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้นำยาสลบมายิงก่อนนำตัวไปควบคุมเพื่อประเมินพฤติกรรม

นายอนันต์ ศรีวิเชียร พ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ลูกสาวเป็นคนรักสุนัข และรับคอปเปอร์มาจากศูนย์พักพิงสุนัขจรจัด โดยก่อนหน้านี้มีผู้นำไปเลี้ยงที่สมุทรปราการ แต่ไม่สามารถดูแลได้ จึงส่งกลับมา ลูกสาวจึงนำกลับมาเลี้ยงเอง กระทั่งเกิดเหตุไม่คาดคิดในวันนี้

ด้าน พระครูสุกิจจานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดไก่เตี้ย และเจ้าคณะตำบลวังยาง กล่าวว่า สุนัขตัวนี้ถูกนำมาเลี้ยงด้วยความสงสาร โดยผู้บาดเจ็บเป็นลูกศิษย์ของวัด แต่ตนเคยเตือนว่าเป็นพันธุ์ที่มีความดุ ควรระมัดระวัง เพราะเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา สุนัขตัวนี้เคยกัดตนเองจนต้องเย็บถึง 9 เข็ม และกระดูกแขนแตกต้องใส่เฝือก

ขณะเกิดเหตุ เจ้าอาวาสเผยว่า ได้ยินเสียงร้อง จึงหันไปเห็นสุนัขกำลังกัดแขนซ้าย แขนขวา และพยายามจะกัดที่ลำคอของผู้บาดเจ็บ จึงรีบใช้ไม้ตีแผ่นสังกะสีให้เกิดเสียงดังเพื่อไล่สุนัข และเรียกคนมาช่วยเหลือทันที

พระครูสุกิจฯ ฝากเตือนประชาชนว่า แม้การรับเลี้ยงสุนัขจรจัดเป็นเรื่องของความเมตตา แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว หรือไม่ได้ผ่านการฝึกอย่างเหมาะสม